แชร์

ไม่ได้ให้สัญญาณไฟเพื่อจะเลี้ยวขวา จนเฉี่ยวชนกัน ถือว่ามีส่วนประมาท

อัพเดทล่าสุด: 26 พ.ย. 2025
3 ผู้เข้าชม

ไม่ได้ให้สัญญาณไฟเพื่อจะเลี้ยวขวา จนเฉี่ยวชนกัน ถือว่ามีส่วนประมาท

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2531

 

คำพิพากษาย่อสั้น

   จำเลยขับรถยนต์โดยสารแซงรถยนต์บรรทุกของโจทก์และชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์ในขณะที่รถยนต์บรรทุกของโจทก์กำลังเลี้ยวขวาแม้รถยนต์บรรทุกไม่ได้เลี้ยวตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด แต่การที่รถยนต์บรรทุกของโจทก์ขับชิดทางด้านซ้ายตลอดมาจนกระทั่งเกิดเหตุไม่ได้ขับชิดทางด้านขวาของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนในขณะให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาเพื่อเป็นการเตรียมที่จะเลี้ยวขวา ดังนี้ รถยนต์บรรทุกของโจทก์มีส่วนประมาท ก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยโจทก์จึงควรมีส่วนรับผิดในค่าเสียหายที่รถยนต์โดยสารก่อขึ้นหนึ่งในสาม
 
คำพิพากษาย่อยาว
   
    โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถโดยสารในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาทชนท้ายรถยนต์บรรทุกของโจทก์เสียหาย ขอให้บังคับใช้ค่าเสียหาย
    จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
    จำเลยที่ 2 ให้การว่า คนขับรถยนต์ของโจทก์เป็นฝ่ายประมาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
    จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
    ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
    จำเลยที่ 2 ฎีกา 
     ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...ปรากฏว่า มุมขวาของหัวรถยนต์โดยสารตรงเหนือไฟ 2 ดวงของรถยนต์โดยสารเป็นรอยโหว่บุ๋มเข้าไป จึงรับฟังได้ว่าส่วนนี้ของรถยนต์โดยสารจำเลยที่ 2 ได้ชนตรงมุมท้ายขวาด้านหลังของรถยนต์บรรทุกโจทก์ และจากความกว้างด้านหน้าของรถยนต์โดยสาร ไม่มีรอยครูดจากซ้ายไปขวา จึงฟังไม่ได้ว่ารถยนต์บรรทุกได้ขับเลี้ยวตัดหน้ารถยนต์โดยสารกระชั้นชิดข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสมัยได้ขับรถยนต์บรรทุกโจทก์ชิดทางด้านซ้ายตลอดมาจนกระทั่งเกิดเหตุ ไม่ได้ขับชิดทางด้านขวาของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนในขณะให้สัญญาณไฟเพื่อเลี้ยวขวา เพื่อเป็นการเตรียมที่จะเลี้ยวขวา ดังนี้ จึงฟังได้ว่ารถยนต์บรรทุกโจทก์มีส่วนร่วมประมาทก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วย โจทก์จึงควรมีส่วนรับผิดในค่าเสียหายที่รถยนต์โดยสารจำเลยที่ 2 ก่อขึ้นหนึ่งในสาม..."
และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ค่าเสียหายของโจทก์ที่ได้รับเป็นเงิน 60,000 บาท
"แต่คนขับรถยนต์บรรทุกโจทก์มีส่วนประมาทร่วมอยู่ด้วยจึงต้องมีความรับผิดหนึ่งในสามตามที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้นเพราะฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายเพียง 40,000 บาทแม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกามาด้วย แต่คำพิพากษานี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247"
 
    พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 40,000บาท พร้อมดอกเบี้ย

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 51

ผู้พิพากษา
เสริมพงศ์ วรยิ่งยง
ดุสิต วราโห
ประชา บุญวนิช

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

 

สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ 

Youtube     : https://youtu.be/-oXoG08pHLg?si=Hw-wQkvJ6QR014yr

TikTok                  :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7450714485649722631?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033


ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️

Facebook       :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr

Tiktok              :https://www.tiktok.com/@lawyeraor

Line                  :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt

เบอร์โทรศัพท์   : 081-755-5585 , 065-701-1441

Website           :https://www.lawyer-aor.com/

 

#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ