ค่าขาดแรงงานในครัวเรือนเรียกจากผู้กระทำละเมิด ได้ แต่เรียกซ้ำซ้อนไม่ได้

ค่าขาดแรงงานในครัวเรือนเรียกจากผู้กระทำละเมิด ได้ แต่เรียกซ้ำซ้อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2538
คำพิพากษาย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 170,485 บาท ให้โจทก์ที่ 2 จำนวน 154,825 บาท ให้โจทก์ที่ 3 จำนวน 243,123 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยร่วมรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 และที่ 3 จำนวนคนละ 10,000 บาท และรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 จำนวน 100,000 บาท
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยอื่นนั้น ข้อเท็จจริงที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 เป็นสามีของนางจำเนียร ประสิทธิ์กุศลโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เป็นบุตรของโจทก์ที่ 1 กับนางจำเนียรเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2528 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-0148 กรุงเทพมหานคร ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 รับผู้โดยสารจากจังหวัดนครศรีธรรมราชมากรุงเทพมหานครมีโจทก์ที่ 1 และที่ 3 กับนางจำเนียรโดยสารมาด้วย เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวพลิกคว่ำ ทำให้โจทก์ที่ 1 และที่ 3 ได้รับอันตรายสาหัสนางจำเนียรถึงแก่ความตาย
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ที่ 2 ฟ้องเรียกค่าขาดแรงงานในครอบครัวที่มารดาโจทก์ที่ 2 ถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำละเมิดของจำเลยทั้งสาม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนนี้เพราะไม่มีสิทธิที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูย่อมไม่ถูกต้องเนื่องจากเป็นคนละเรื่องกันนั้นโจทก์ที่ 2 เบิกความว่า ในระหว่างที่นางจำเนียรมีชีวิตอยู่มีหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในครัวเรือน โดยดูแลบ้านและทำกับข้าวโจทก์ที่ 1 เบิกความและตอบทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านว่า หลังจากนางจำเนียรถึงแก่ความตายแล้วโจทก์ที่ 1 ได้ว่าจ้างนางมณีรัตน์มาดูแลทำความสะอาดบ้าน ประกอบอาหารและซักเสื้อผ้าให้บุตรด้วยปรากฏตามคำฟ้องว่าโจทก์ที่ 1 และที่ 2 อาศัยอยู่บ้านเดียวกันและโจทก์ที่ 2 ตอบทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านว่า โจทก์ที่ 1ได้ว่าจ้างบุคคลอื่นมาทำงานแทนนางจำเนียร โจทก์ที่ 1 ได้ฟ้องเรียกเงินส่วนนี้แล้ว ส่วนโจทก์ที่ 2 ไม่ได้ว่าจ้างส่วนนี้อีกเห็นว่า เมื่อโจทก์ที่ 1 และที่ 2 อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน การที่โจทก์ที่ 1 ได้ว่าจ้างนางมณีรัตน์มาทำงานบ้านทุกอย่างที่นางจำเนียรเคยทำอยู่แทนนางจำเนียรแล้ว โจทก์ที่ 2ย่อมได้รับผลประโยชน์จากการทำงานของนางมณีรัตน์ด้วย และโจทก์ที่ 2 ก็ไม่ได้ว่าจ้างให้บุคคลอื่นมาช่วยทำงานอีก ดังนั้นแม้โจทก์ที่ 2 จะมีสิทธิได้รับความเสียหายในส่วนนี้ แต่ก็เป็นค่าเสียหายในเรื่องเดียวกันกับที่โจทก์ที่ 1 ฟ้องเรียกมาและศาลล่างทั้งสองก็ได้พิพากษาให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1 แล้ว ความเสียหายของโจทก์ที่ 2ในส่วนนี้ย่อมหมดไป โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายส่วนนี้อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ให้ค่าเสียหายส่วนนี้แก่โจทก์ที่ 2 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล"
พิพากษายืน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445
ผู้พิพากษา
ชูชาติ ศรีแสง
นาม ยิ้มแย้ม
วินัย วิมลเศรษฐ
แหล่งที่มา :เนติบัณฑิตยสภา
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/Pbp_4gC5eZc?si=gffwyFdNbKd9-xdI
TikTok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7444085330526997777?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok : https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website :https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


