แชร์

ขับรถมาโดยพลการ จะถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างไม่ได้

อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2024
126 ผู้เข้าชม
จำเลยที่ 3 ขับรถมาโดยพลการ จนเกิดชนกับรถคันอื่น ดังนี้ จะถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659-660/2513

คำพิพากษาย่อสั้น
     รถยนต์บรรทุกเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ขับรถคันนี้ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ขับรถคันนี้ไปส่งของที่โกดังของ ท. เมื่อเอาของลงเสร็จแล้วได้จอดรถทิ้งไว้ที่โกดังนั้นตัวไปเสียที่อื่นโดยทิ้งกุญแจรถเสียบไว้ในที่สตาร์ทรถ ย. ซึ่งเป็นผู้จัดกิจการของจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 3 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีหน้าที่ขับรถไปดูรถ มิได้สั่งให้ขับรถกลับมา จำเลยที่ 3 ขับรถมาโดยพลการจนเกิดชนกับรถคันอื่น ดังนี้จะถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างไม่ได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3 และการกระทำของจำเลยที่ 2 นั้น แม้จะไม่เป็นการรอบคอบอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นผลให้เกิดการละเมิดขึ้นโดยตรง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3 เหมือนกัน

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ทั้ง 2 สำนวนฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกเลขทะเบียน ช.บ.05421 จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ควบคุมดูแลรักษาและขับรถบรรทุกดังกล่าว จำเลยที่ 3 ก็เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้ขับรถดังกล่าวบรรทุกสินค้าไปส่งให้บริษัท ไทยวาเทรดดิ้ง จำกัด ตามทางการที่จ้าง เมื่อส่งสินค้าแล้วยังไม่นำรถกลับมา จำเลยที่ 1 จึงสั่งให้จำเลยที่ 3 ไปตามและให้นำรถกลับมา จำเลยที่ 3 ไปตามจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ที่รถและทิ้งกุญแจสวิซ์รถไว้ที่รถนั้น จำเลยที่ 3 จึงขับรถนั้นเพื่อกลับสำนักงานจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ขับรถมาด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้รถที่ขับชนกับรถยนต์ ก.ท.ษ.0389 ซึ่งแล่นสวนทางมา ผู้โดยสารในรถ ก.ท.ษ.0389 ตาย 8 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน จำนวนคนที่ตายมีนายเพียวเทียม แซ่ลิ้ม สามีและบิดาของโจทก์ในสำนวนที่ 1 และนายย่งปิน แซ่ลิ้ม สามีและบิดาของโจทก์ในสำนวนที่ 2 รวมอยู่ด้วย เหตุที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ด้วยที่จอดรถและทิ้งกุญแจไว้ที่รถ จำเลยที่ 3 จึงขับรถไปได้ ขอให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย

     จำเลยที่ 1 ให้การรับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุก ช.บ.05421 จริงและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 จริง ส่วนจำเลยที่ 3 มิได้เป็นลูกจ้างหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในกิจการของจำเลยที่ 1 อย่างใด จำเลยที่ 2 ได้ขับรถบรรทุกไปตามทางการที่จ้างจริง จำเลยที่ 1 ไม่เคยสั่งการให้จำเลยที่ 3 ไปติดตามและให้นำรถกลับ จำเลยที่ 3 กระทำไปโดยพลการ

     จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ได้ขับรถไปส่งของให้บริษัท ไทยวาเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 1 ไม่เคยสั่งให้จำเลยที่ 2 ต้องควบคุมและขับรถกลับไปสำนักงานและไม่เคยสั่งให้จำเลยที่ 3 ไปติดตามและนำรถกลับ จำเลยที่ 3 บังอาจขึ้นไปนั่งบนรถและลักขับรถจากที่จอดในขณะที่จำเลยที่ 2 ไม่อยู่ โดยจำเลยที่ 2 มิได้อนุญาตหรือมอบหมายให้ทำ จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 3 ได้ก่อขึ้น

     จำเลยที่ 3 ให้การว่าไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และไม่เคยรับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้ไปติดตามรถ จำเลยที่ 3 มิได้ประมาทเลินเล่อ เหตุที่ชนกันเป็นเพราะผู้ขับรถ ก.บ.ษ.0389 เป็นฝ่ายประมาท
     ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ผู้เดียวใช้ค่าเสียหาย

     โจทก์อุทธรณ์ ขอให้จำเลยที่ 1, 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

     โจทก์ฎีกา ขอให้จำเลยที่ 1, 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วย
ศาลฎีกาฟังว่ารถบรรทุก ช.บ.05421 เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ขับรถคันนี้ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ขับรถคันนี้บรรทุกมันเส้นจากระยองมาส่งที่โกดังของบริษัท ไทยวาเทรดดิ้ง จำกัด เมื่อเอามันลงเสร็จแล้วได้จอดรถไว้ที่โกดังนั้น โดยทิ้งกุญแจรถเสียบไว้ในที่สตาร์ทรถ ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้มาขับรถนั้นไปแล้วเกิดชนกับรถฟอร์ดเทมส์ ก.ท.ษ.0389 ซึ่งขับสวนทางมา คนโดยสารในรถฟอร์ดเทมส์ตาย 8 คน มีนายเพียวเทียมและนายย่งปิดด้วย พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยที่ 3 ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตายและบาดเจ็บสาหัส จำเลยที่ 3 รับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดแล้ว ถึงแม้จะฟังว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีหน้าที่ในการขับรถแต่อย่างใด นางนงลักษณ์ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 3 ไปดูรถก็มิได้สั่งให้จำเลยที่ 3 ขับรถกลับมา เพียงแต่ให้ไปดูว่ารถเสียหรือไม่เท่านั้น การที่จำเลยที่ 3 ขับรถมาโดยพลการจนเกิดชนกับรถคันอื่น จะถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3

     สำหรับจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาจอดที่โกดังของบริษัท ไทยวาเทรดดิ้ง จำกัด แล้วทิ้งรถไว้พร้อมด้วยกุญแจส่วนตัวไปเสียที่อื่น เป็นเหตุให้จำเลยที่ 3 ขับรถออกไปได้เช่นนี้ แม้การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นการรอบคอบอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นผลให้เกิดการละเมิดขึ้นโดยตรง ถ้าหากจำเลยที่ 3 ไม่ขับรถคันนั้นออกไป จำเลยที่ 2จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3
พิพากษายืน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432

ผู้พิพากษา                                                                                   ทองคำ จารุเหติ
เฉลิม ทัตภิรมย์
ประพนธ์ ศาตะมาน

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ