แชร์

ผู้ทำละเมิดต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น มิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง

อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2024
134 ผู้เข้าชม

ผู้ทำละเมิดต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น มิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2529

คำพิพากษาย่อสั้น
     โจทก์ฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถฝ่ายหนึ่งกับนายจ้างร่วมรับผิดฐานละเมิดแม้เหตุที่รถชนกันจะเกิดจากความประมาทร่วมของคนขับรถทั้งสองฝ่าย  เมื่อโจทก์มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทด้วยโดยเพียงนั่งมาในรถยนต์สามล้อเท่านั้นผู้ทำละเมิดทุกคนต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้นต่อโจทก์เต็มจำนวนมิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง  การที่ผู้ทำละเมิดแต่ละคนจะรับผิดมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องระหว่างผู้ทำละเมิด  ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียวโดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากันศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในกรณีที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำนวน 419,000 บาท
จำเลยที่ 1  ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง  เหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความประมาทของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์เรียกร้องมากเกินไปขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 250,000บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายสูนย์ผู้ขับรถยนต์สามล้อคันที่ผู้ตายนั่งโดยสารมาเป็นฝ่ายประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าจำเลยที่ 1 มิใช่จำเลยที่ 1 ประมาทฝ่ายเดียวสมควรให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เพียง125,000 บาท พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 125,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์ และ จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เพียงไร เห็นว่าผู้ตายซึ่งโจทก์ทั้งสามสืบสิทธิมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นเพียงบุคคลภายนอกที่นั่งมาในรถยนต์สามล้อเท่านั้น  มิได้มีส่วนทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วย  จำเลยที่ 1 ทำละเมิดให้ โจทก์เสียหาย แม้นายสูนย์คนขับรถยนต์สามล้อจะมีส่วนทำละเมิดให้โจทก์เสียหายด้วย ทำละเมิดทุกคนต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้นต่อโจทก์  การที่ผู้ทำละเมิดแต่ละคนจะรับผิดมากน้อยเพียงใด เป็นเรื่องระหว่างผู้ทำละเมิดที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงกึ่งหนึ่งไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา  ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น
แต่ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามรวม 241,000 บาท โดย มิได้แยกเป็นของแต่ละคน ทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมา แต่ละคนไม่เท่ากัน   ศาลฎีกาเห็นควรกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมา  คือเป็นของโจทก์ที่ 1 จำนวน 53,800  บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 77,200 บาท โจทก์ที่ 3 จำนวน 110,000บาท
พิพากษา แก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 53,800 บาท โจทก์ ที่ 2 จำนวน 77,200 บาท โจทก์ที่ 3 จำนวน 110,000 บาท   และชำระให้โจทก์ทั้งสามอีก 9,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

ผู้พิพากษา
อภินย์ ปุษปาคม
พิชัย วุฒิจำนงค์
ยรรยง อิทธิพงษ์

แหล่งที่มา: ADMIN


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ