แชร์

ลูกจ้างขับรถยนต์ของบริษัท ย่อมถือได้ว่าลูกจ้างได้ขับรถ ไปในทางการที่บริษัทจ้าง

อัพเดทล่าสุด: 31 พ.ค. 2024
249 ผู้เข้าชม

ลูกจ้างขับรถยนต์ของบริษัทไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยกรรมการผู้นั้นนั่งไปด้วย ย่อมถือได้ว่าลูกจ้างได้ขับรถไปในทางการที่บริษัทจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2515

คำพิพากษาย่อสั้น
     ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลซึ่งมิได้มีข้อความที่ขอจดทะเบียนระบุไว้ว่าจะต้องมีตราของห้างประทับลงบนลายมือชื่อของหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย จึงจะผูกพันห้างนั้นในการดำเนินคดีแทนห้าง เพียงแต่หุ้นส่วนผู้จัดการลงลายมือชื่อในคำฟ้องหรือคำให้การ แม้จะไม่ประทับตราของห้างด้วยก็สมบูรณ์ตามกฎหมาย
     จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับการกระทำละเมิด ย่อมไม่มีประเด็นว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับค่าเสียหาย จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อฎีกาหาได้ไม่ เพราะมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลล่าง
     กรรมการของบริษัทซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใช้ให้ลูกจ้างขับรถยนต์ของบริษัทไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยกรรมการผู้นั้นนั่งไปด้วย ย่อมถือได้ว่าลูกจ้างได้ขับรถไปในทางการที่บริษัทจ้างซึ่งบริษัทจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วย

คำพิพากษาย่อยาว
     คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณา และเรียกฝ่ายห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลรุ่งแสงขนส่งยะลาว่าโจทก์ เรียกฝ่ายบริษัทโชคชัยขนส่ง จำกัด ว่าจำเลย ทั้งสองฝ่ายต่างฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดซึ่งกันและกัน เนื่องจากรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเกิดชนกันขึ้น และอ้างว่าเป็นความผิดของอีกฝ่ายที่ขับรถโดยประมาท

     ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนกันมาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยฎีกา
     ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า รถจำเลยแล่นกินทางเข้าไปชนรถโจทก์ถือได้ว่าเหตุที่รถชนกัน เกิดจากความประมาทของคนขับรถฝ่ายจำเลยและเห็นพ้องด้วยกับค่าเสียหายที่ศาลล่างกำหนดให้จำเลยใช้แก่โจทก์

ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกามีดังนี้

     1. คำฟ้องและใบแต่งทนายของโจทก์ไม่มีตราของห้างหุ้นส่วนประทับ จึงเป็นคำฟ้องและใบแต่งทนายไม่สมบูรณ์ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์นำตรามาประทับภายหลังจากจำเลยโต้แย้ง หาทำให้กลับสมบูรณ์ขึ้นไม่

      ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลโจทก์ มิได้มีข้อความที่ขอจดทะเบียนระบุไว้ว่าจะต้องมีตราของห้างหุ้นส่วนโจทก์ประทับลงบนลายเซ็นชื่อของหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย จึงจะผูกพันห้างหุ้นส่วนโจทก์ ฉะนั้นคำฟ้องและคำให้การของโจทก์ที่นายประจวบ สิ่วเฉลิมวงศ์ หุ้นส่วนผู้จัดการได้ลงชื่อไว้โดยไม่มีตราของห้างหุ้นส่วนประทับ จึงเป็นคำฟ้องและคำให้การของห้างหุ้นส่วนโจทก์ที่สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมายการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์นำตรามาประทับลงภายหลังจากจำเลยโต้แย้งย่อมไม่กระทบกระทั่งหรือมีผลเปลี่ยนแปลงความสมบูรณ์ที่มีอยู่

      2. ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

      ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำโดยประมาทชัดแจ้ง เพียงพอที่จะให้เข้าใจข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับค่าเสียหายเพราะมิได้บรรยายถึงรายละเอียดว่าเสียหายอย่างใดนั้น เป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลล่าง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

      3. จำเลยที่ 1 ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในการละเมิดของจำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถเพราะจำเลยที่ 2 มิได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1

      ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า วันเกิดเหตุนายชัยยุทธซึ่งเป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 และมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ใช้ให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุไปยังบ้านแหร โดยนายชัยยุทธได้นั่งไปด้วย ดังนี้ การที่จำเลยที่ 2 ขับรถไปตามที่นายชัยยุทธใช้ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ขับรถไปในทางการของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายจ้าง เมื่อเหตุละเมิดเกิดขึ้นในระหว่างนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วย

พิพากษายืน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1033
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1064
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ผู้พิพากษา
จินตา บุณยอาคม
อัศนี เกาไศยนันท์
จรัญ อิศระ

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ