แชร์

ทำสิ่งของตกหล่นบนทาง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 129

อัพเดทล่าสุด: 4 มิ.ย. 2024
128 ผู้เข้าชม

ทำสิ่งของตกหล่นบนทาง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 129

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909/2516

คำพิพากษาย่อสั้น
     จำเลยขับรถยนต์บรรทุกเสาไฟฟ้าโดยใช้ล้อพ่วง เมื่อล้อรถพ่วงหลุดทำให้เสาตกลงมาขวางถนน จนกระทั่งค่ำแล้วจำเลยก็ไม่ได้จัดให้มีโคมไฟหรือเครื่องสัญญาณอย่างอื่น เพื่อให้ผู้ใช้ถนนเห็นเสาที่ขวางถนนอยู่นั้น เป็นเหตุให้รถที่แล่นมาชนเสา มีคนตายและบาดเจ็บ ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท และผลเสียหายเกิดขึ้นจากการที่จำเลยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นได้แต่หากระทำไม่ จำเลยจึงมีความผิด

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกไม้เสาไฟฟ้าจำนวน 15 ต้นโดยใช้ล้อพ่วงไปตามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์จากลำปางมาเชียงใหม่ โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และบรรทุกไม้เสาจำนวนมากเกินไป ล้อพ่วงทานน้ำหนักไม้เสาไม่ได้ ล้อข้างหนึ่งจึงหลุดออก ไม้เสาตกลงพื้นถนนขวางทางจราจรอยู่ครึ่งถนน จำเลยควรขอแรงชาวบ้านหรือหาวิธีใดวิธีหนึ่งงัดเสาให้ตกลงไปข้างถนนเสีย จำเลยมีเวลาและมีวิธีที่จะกระทำแต่ไม่กระทำ คงทิ้งไม้เสาขวางถนนจนมืดค่ำลง จำเลยก็ไม่จัดการหาโคมไฟหรือเครื่องสัญญาณไฟอย่างใดมาจุดไว้ที่ไม้เสา ทั้งไม่หาสัญญาณใด ๆ ไปบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนถึงไม้เสา เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์มองเห็นอันตรายได้ในระยะไกล จำเลยกระทำได้แต่หาได้กระทำไม่ เป็นเหตุให้รถยนต์ 2 คันแล่นมาชนไม้เสา มีคนตาย 3 คน บาดเจ็บ 4 คน ทั้งนี้เกิดจากความประมาทของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300

จำเลยให้การปฏิเสธ
     ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 300 ให้ลงโทษตามมาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกจำเลย 3 ปี

จำเลยอุทธรณ์
     ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานประมาทตามฟ้อง
     ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ฟังข้อเท็จจริงมาว่า คืนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมีล้อพ่วงบรรทุกไม้ซุงเสาไฟฟ้าจำนวน 15 ต้นจากจังหวัดลำปางจะไปจังหวัดเชียงใหม่ ตามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ สายลำปาง - เชียงใหม่ ถึงที่เกิดเหตุในเขตอำเภอสารภี ล้อรถพ่วงท้ายรถที่จำเลยขับหลุดออกจากรถพ่วง ทำให้ไม้ซุงเสาไฟฟ้าซึ่งโตราวหนึ่งฟุต ยาว 12 เมตร ที่บรรทุกอยู่ตกลงมาบนถนนและอยู่ในลักษณะขวางถนน กีดขวางการจราจรของรถคันอื่น ทั้งที่สวนมาและที่ตามรถจำเลยไป ทั้งเมื่อไม้ซุงตกขวางถนนดังกล่าวแล้ว จำเลยไม่ได้จัดให้มีโคมไฟหรือเครื่องสัญญาณอย่างอื่นเพื่อให้ผู้ขับขี่รถหรือยวดยานอื่น ๆ ที่ใช้ถนนได้มีโอกาสเห็นเสาไฟฟ้าที่ขวางถนนอยู่ เป็นเหตุให้รถยนต์สองคันและรถจักรยานหนึ่งคันซึ่งแล่นมาตามถนนสายนั้นชนเสาไฟฟ้าที่ตกจากรถพ่วงที่จำเลยขับบรรทุกมาและอยู่ในลักษณะขวางถนนนั้น ทำให้นายพันธุ์ศักดิ์ สุนทโรทัย นายสินชัย แซ่อึ้ง และสิบโทถวิล สุรวงศ์ ซึ่งต่างนั่งมาในรถยนต์สองคันถึงแก่ความตายและทำให้นายวินิจ และนายนิเวศน์ที่นั่งมาในรถยนต์คันที่นายพันธุ์ศักดิ์ผู้ตายขับได้รับอันตรายถึงสาหัส ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์จากการกระทำของจำเลยที่ได้ความดังกล่าวมาแล้วนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท และผลเสียหายเกิดขึ้นจากการที่จำเลยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นได้ แต่หากระทำไม่จำเลยจึงมีความผิดฐานประมาททำให้คนตายและได้รับอันตรายสาหัสตามฟ้องโจทก์

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300

ผู้พิพากษา
ชุ่ม สุนทรธัย
เสถียร ลิมปิษเฐียร
ถนอม ครูไพศาล

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ