ทางเดินรถใดมีสัญญาณจราจรบังคับไว้โดยเฉพาะ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามให้ถูก

ทางเดินรถใดมีสัญญาณจราจรบังคับไว้โดยเฉพาะ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามให้ถูก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2526
คำพิพากษาย่อสั้น
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 51(2)(จ) ที่บัญญัติว่าเมื่อรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่สวนมาในทางเดินรถทางเดียวกันผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี้ยวขวาไปได้ เป็นบทที่ใช้บังคับแก่ผู้ขับขี่ในทางเดินรถที่ไม่มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร หากในทางเดินรถใด มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรบังคับไว้โดยเฉพาะผู้ขับขี่ก็ต้องปฏิบัติตามสัญญาและเครื่องหมายจราจรนั้นตามมาตรา 21, 22 การที่จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์เลี้ยวขวาที่บริเวณสี่แยกในขณะที่มีสัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวขวานั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งขับขี่รถมาในทางตรงและมีสัญญาณไฟจราจรสีแดงมีหน้าที่จะต้องหยุดรถอยู่หลังเส้นให้รถหยุดตามมาตรา 22(2) จะนำมาตรา 51(2)(จ) มาใช้บังคับในทางเดินรถที่มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรหาได้ไม่ เมื่อรถที่จำเลยที่ 2 ขับมาชนรถที่จำเลยที่ 1 ขับขณะเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงมิได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์โดยประมาท
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ขับขี่รถยนต์ด้วยความประมาทกล่าวคือ จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์จากท่าเรือคลองเตยมุ่งหน้าไปทางสี่แยกถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาตัดกับถนนสาธุประดิษฐ์เพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสาธุประดิษฐ์ ส่วนจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์สวนทางมาตามถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาจะตรงไปท่าเรือคลองเตย เมื่อจำเลยทั้งสองขับรถมาถึงบริเวณสี่แยกจำเลยที่ 1 ได้ขับรถเลี้ยวขวาเข้าไปโดยไม่จอดรอให้รถของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นรถทางตรงวิ่งผ่านสี่แยกไปก่อน ส่วนจำเลยที่ 2 ก็ขับรถผ่านบริเวณสี่แยกด้วยความเร็วสูง ไม่ให้ทางแก่รถของจำเลยที่ 1 โดยไม่ลดความเร็วลงแล้วห้ามล้อในทันที เป็นเหตุให้รถที่จำเลยที่ 2 ขับชนรถที่จำเลยที่ 1 เสียหาย และรถที่จำเลยที่ 1 ขับยังพุ่งเข้าชนรถยนต์คันอื่นเสียหายอีก 1 คัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับคนละ 1,000 บาท
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 51 (2)(จ) บัญญัติว่า เมื่อรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่สวนมาในทางเดินรถทางเดียวกันผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี้ยวขวาไปได้ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 148 แต่ก็มีมาตรา 21 บัญญัติว่า ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจร และเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ และมาตรา 22 บัญญัติว่าผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ปรากฏข้างหน้าในกรณีต่อไปนี้
(4) สัญญาณจราจรไฟสีแดงแสดงพร้อมกับลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวหรือชี้ให้ตรงไปให้ผู้ขับขี่เลี้ยวรถหรือขับรถตรงไปได้ตามทิศทางที่ลูกศรชี้
ในการใช้ทางตามที่ลูกศรชี้ ผู้ขับขี่ต้องใช้ทางด้วยความระมัดระวังและต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้าม หรือผู้ขับขี่มาทางขวาก่อน ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 21 และ 22 มีโทษตามมาตรา 152 โดยที่มาตรา 51 บัญญัติอยู่ในลักษณะ 3 ว่าด้วยการใช้ทางเดินรถ ส่วนมาตรา 21 และ 22 บัญญัติอยู่ในลักษณะ 2 ว่าด้วยสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจร จึงเป็นที่เห็นได้ว่ามาตรา 51 (2) (จ) เป็นบทที่ใช้บังคับแก่ผู้ขับขี่ในทางเดินรถโดยทั่วไปที่ทางเดินรถนั้นไม่มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรปรากฏอยู่ข้างหน้าหากในทางเดินรถใดมีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรบังคับไว้โดยเฉพาะ ผู้ขับขี่ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรนั้น มิฉะนั้นจะได้รับโทษตามมาตรา 152 เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังเป็นยุติว่า การที่จำเลยที่ 1 ขับขี่รถเลี้ยวขวาตรงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุเพื่อเข้าถนนสาธุประดิษฐ์ ขณะนั้นสัญญาณไฟจราจรที่สี่แยกที่เกิดเหตุมีลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวขวาได้ ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ตามมาตรา 21 และ 22 (4) ที่จะต้องขับขี่รถไปตามที่ลูกศรชี้นั้นโดยจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องระมัดระวังและให้สิทธิเฉพาะแก่คนเดินเท้าในทางข้ามหรือผู้ที่ขับขี่รถมาทางขวาเท่านั้น ที่จะต้องยอมให้ผ่านไปก่อนตามมาตรา 22 (4) วรรคสอง และตามบทบัญญัติในมาตรา 22 (4) วรรคแรกดังกล่าวแล้วข้างต้นก็เป็นที่เห็นได้ว่า ขณะที่บริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุมีสัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยวขวาอยู่นั้น ในด้านถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาที่มาจากสะพานกรุงเทพซึ่งจำเลยที่ 2 ขับขี่รถเพื่อจะตรงไปคลองเตยย่อมได้รับสัญญาณไฟจราจรสีแดง จำเลยที่ 2 มีหน้าที่จะต้องหยุดรถอยู่หลังเส้นให้รถหยุดตามมาตรา 22 (2) ทั้งมาตรา 22 (4) ก็มิได้บัญญัติให้จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องรอให้รถยนต์ทางด้านซ้ายที่จำเลยที่ 2 ขับขี่รถมาในทางตรงผ่านไปก่อนด้วยแต่ประการใด การที่จำเลยที่ 1 ขับขี่รถเลี้ยวขวาที่บริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุเพื่อเข้าถนนสาธุประดิษฐ์ไปตามทิศทางที่สัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวชี้ให้ขับรถเลี้ยวขวาได้ จึงเป็นการที่จำเลยที่ 1 ขับขี่รถไปโดยชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 21 และ 22 (4) แล้ว จะนำบทบัญญัติมาตรา 51 (2)(จ) มาใช้บังคับแก่การใช้ทางเดินรถในทางที่มีสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรปรากฎอยู่ข้างหน้าหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 จึงมิได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์โดยประมาท
พิพากษายืน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 21
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 23
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 51
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 148
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 152
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 157
ผู้พิพากษา
ปรีชา พานิชวงศ์
ดำรง แจ่มสุธี
บุญส่ง คล้ายแก้ว
แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/jYK2tUUhiLA?si=VWp4BNXul0ouqLyB
TikTok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7534650659908504853?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website :https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


