แชร์

คดีนี้จำเลยขับรถจักรยานยนต์ชนผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย

อัพเดทล่าสุด: 4 ธ.ค. 2025
8 ผู้เข้าชม

คดีนี้จำเลยขับรถจักรยานยนต์ชนผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7352/2549

 

คำพิพากษาย่อสั้น

นอกจากจำเลยทั้งสองจะขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงลงจากสะพานแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ขับรถโดยฝ่าฝืนกฎจราจรอื่น หรือสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ร่วมใช้เส้นทางในการประการอื่นอีก ทั้งจุดที่เกิดการชนกันก็เป็นบริเวณช่องเดินรถตามปกติของจำเลยทั้งสองและเกิดขึ้นขณะที่ผู้ตายกำลังข้ามถนนในช่วงที่รถยนต์กำลังแล่นอยู่ ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุแม้จะมีไฟฟ้าสาธารณะแต่ก็มีแสงสว่างค่อนข้างสลัว ดังนั้นแม้จะเกิดเหตุด้วยความประมาทของจำเลยทั้งสอง แต่ก็เป็นความประมาทที่ไม่ร้ายแรงนัก ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้พยายามบรรเทาความเสียหายให้แก่ฝ่ายผู้เสียหายด้วยการชดใช้เงินให้บางส่วนแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณีจึงมีเหตุสมควรปราณีโดยการรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2 และเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสอง เป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน จำเลยที่ 1 ได้ชดใช้เงินแก่ฝ่ายผู้เสียหายจำนวน 30,000 บาท และจำเลยที่ 1 มีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง กับมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาโดยให้รอการลงโทษไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

 

คำพิพากษาย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ระหว่างพิจารณา นางแฉล้ม มารดาของนายวีระผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต (ที่ถูก ต้องอนุญาตเฉพาะข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย)

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 4 ปี และปรับคนละ 15,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 7,500 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษมาก่อน หลังเกิดเหตุจำเลยทั้งสองสำนึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายหาเงินมาวางศาล เพื่อชดใช้ค่าเสียหายบางส่วนให้แก่ทายาทผู้ตาย จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกคนละ 2 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงให้จำเลยทั้งสองรับโทษไปโดยไม่รอการลงโทษ และไม่ลงโทษปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 2 ว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2 หรือไม่ เห็นว่า แม้การที่จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุลงจากสะพานพระนั่งเกล้าด้วยความเร็วสูงชนผู้ตายจนถึงแก่ความตายจะเป็นการกระทำโดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงได้ความตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสองซึ่งให้จำเลยทั้งสองดูแล้วไม่โต้แย้งคัดค้านว่า บริเวณที่เกิดเหตุเป็นถนนมีช่องเดินรถ 6 ช่อง แบ่งเป็นช่องเดินรถไปและกลับด้านละ 3 ช่องเดินรถ จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ในช่องเดินรถช่องที่ 2 จากบางบัวทองมุ่งหน้าจะไปแคราย จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ผ่านแยกพระนั่งเกล้าโดยมีรถยนต์ตู้แล่นอยู่ด้านหน้าห่างจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 ประมาณ 8 ถึง 9 เมตร จำเลยที่ 1 มองไม่เห็นผู้ตายยืนอยู่ช่วงกลางถนนแต่เห็นเงาตะคุ่มผ่านหน้ารถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 ในระยะกระชั้นชิด และรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 ได้ชนผู้ตายล้มลง ขณะที่จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังจำเลยที่ 1 และเห็นจำเลยที่ 1 ชนผู้ตายล้มลงแต่จำเลยที่ 2 ห้ามล้อไม่ทันจึงทับผู้ตายซึ่งล้มลงอยู่กลางถนน จำเลยที่ 2 รอพบเจ้าหน้าที่ตรงจุดเกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่ 1 หมดสติ และมีผู้นำผู้ตายและจำเลยที่ 1 ส่งโรงพยาบาล ตามพฤติการณ์ดังกล่าว นอกจากจำเลยทั้งสองจะขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงขณะที่ลงจากสะพานแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ขับรถโดยฝ่าฝืนกฎจราจรหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ร่วมใช้เส้นทางในประการอื่นอีก ทั้งจุดที่เกิดการชนกันก็เป็นบริเวณช่องเดินรถตามปกติของจำเลยทั้งสองและเกิดขึ้นขณะที่ผู้ตายกำลังข้ามถนนในช่วงที่รถยนต์กำลังแล่นอยู่ ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุแม้จะมีไฟฟ้าสาธารณะแต่ก็มีแสงสว่างค่อนข้างสลัว ดังนั้นแม้จะเกิดเหตุด้วยความประมาทของจำเลยทั้งสองแต่ก็เป็นความประมาทที่ไม่ร้ายแรงนัก ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้พยายามบรรเทาความเสียหายให้แก่ฝ่ายผู้เสียหายด้วยการชดใช้เงินให้บางส่วนแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยที่ 2 มีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง และมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว กรณีจึงมีเหตุสมควรปรานีโดยการรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2 และเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสอง เป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน จำเลยที่ 1 ได้ชดใช้เงินแก่ฝ่ายผู้เสียหายจำนวน 30,000 บาท และจำเลยที่ 1 มีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่งกับมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาโดยให้รอการลงโทษไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้จำเลยทั้งสองเข็ดหลาบ จึงสมควรลงโทษปรับจำเลยทั้งสองอีกสถานหนึ่ง และกำหนดมาตรการในการคุมความประพฤติจำเลยทั้งสองไว้ด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 15,000 บาท อีกสถานหนึ่ง เมื่อลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับคนละ 7,500 บาท สำหรับโทษจำคุกของจำเลยทั้งสองให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยทั้งสองฟัง ให้คุมความประพฤติจำเลยทั้งสองไว้โดยให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง มีกำหนดคนละ 2 ปี กับให้จำเลยทั้งสองกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยทั้งสองและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรมีกำหนดคนละ 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

ผู้พิพากษา
ชวลิต ตุลยสิงห์
เกษม วีรวงศ์
บุญส่ง น้อยโสภณ

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

 

 

สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ 

Youtube     https://youtu.be/vY7IRME8Tx0?si=TKaS79pYHrE_g7gB

TikTok                  :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7529844220186692884?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033

ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️

Facebook        :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr

Tiktok               :https://www.tiktok.com/@lawyeraor

 Line                  :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt

 เบอร์โทรศัพท์   : 081-755-5585 , 065-701-1441

 Website           :https://www.lawyer-aor.com/

 

#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ