โทษของการชนแล้วหนีเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย

โทษของการชนแล้วหนีเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2550
คำพิพากษาย่อสั้น
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 78 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถหรือสัตว์และให้ความช่วยเหลือตามสมควรและพร้อมทั้งแสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที..." การที่จำเลยหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุโดยไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามที่บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวบังคับไว้ ทั้งเมื่อพิจารณาอาการบาดเจ็บของจำเลยแล้วเห็นได้ว่าจำเลยมิได้รับบาดเจ็บมากจนกระทั่งไม่สามารถปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวได้ จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 78 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 78, 157, 160
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 78 วรรคหนึ่ง, 157, 160 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ที่ถูกฐานขับรถโดยประมาทและฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย) เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด (ที่ถูกต้องระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ด้วย) ให้จำคุก 3 ปี ฐานขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแล้วไม่หยุดช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยมีความผิดฐานขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่หยุดและให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าจำเลยได้รับอันตรายสาหัสต้องรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นจำเลยอาจต้องเสียชีวิตลงเช่นกันตามใบรับรองแพทย์ และภาพถ่ายอาการบาดเจ็บของจำเลย จำเลยไม่มีเจตนาที่จะหลบหนีนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์และให้ความช่วยเหลือตามสมควรและพร้อมทั้งแสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที..." จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว การที่จำเลยหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุโดยไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับไว้ทั้งเมื่อพิจารณาอาการบาดเจ็บของจำเลยตามใบรับรองแพทย์และภาพถ่ายอาการบาดเจ็บของจำเลยแล้วเห็นได้ว่าจำเลยมิได้รับบาดเจ็บมากจนกระทั่งไม่สามารถปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวดังที่อ้างมาในฎีกาได้ จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 78 วรรคหนึ่ง และต้องรับโทษตามมาตรา 160 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78
ผู้พิพากษา
ศุภชัย สมเจริญ
ศิริชัย จิระบุญศรี
ณรงค์ ธนะปกรณ์
แหล่งที่มา: สำนักวิชาการ
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/4BKE2V_pYg4?si=iuj-kZeXl7ADneCx
TikTok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7524635406227311890?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website : https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


