โจทก์ไม่มีพยานให้เห็นว่าผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ก่อนจำเลยขับรถเข้ามาทับร่าง

โจทก์ไม่มีพยานให้เห็นว่าผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ก่อนจำเลยขับรถเข้ามาทับร่าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8784/2556
คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่คำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โดยผู้ร้องเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 และค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิตดังกล่าว มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดในคดีลักทรัพย์ วิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกหรือรับของโจร ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 โจทก์จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้บังคับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคำพิพากษาย่อสั้น
คำพิพากษาย่อยาว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า ขณะที่จำเลยขับรถแล่นทับผู้ตาย ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีเพียงนายธีระวัฒน์มาเบิกความว่าก่อนที่จำเลยจะขับรถมาทับร่างของผู้ตาย เห็นผู้ตายยังคงหายใจ แต่นายธีระวัฒน์เบิกความว่าเมื่อรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายแล้วหลบหนีไปพยานจึงจอดรถจักรยานยนต์แล้วเข้าไปดูเพื่อช่วยเหลือผู้ตายเห็นที่ศีรษะของผู้ตายแตกและผู้ตายยังคงหายใจแรง ๆ ขณะที่นายธีระวัฒน์เห็นผู้ตายหายใจจึงเป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุใหม่ ๆ ซึ่งต่อมาได้มีผู้เข้ามาช่วยเหลือจัดการป้องกันสถานที่เกิดเหตุอย่างน้อยสองคน โดยมีการนำกิ่งไม้ไปวางและโบกมือห้ามรถมิให้แล่นไปในช่องเดินรถที่ผู้ตายนอนอยู่ ซึ่งตามคำเบิกความของนายสุนทวีพยานโจทก์ต้องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบนาที โดยในระยะเวลาดังกล่าว โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่าผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ก่อนที่จำเลยจะขับรถเข้ามาทับร่างของผู้ตาย ผู้ตายถูกรถยนต์กระบะแล่นมาเฉี่ยวชนจนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายล้ม ส่วนผู้ตายตกจากรถนอนคว่ำศีรษะแตก แสดงว่าผู้ตายถูกชนแล้วตกจากรถศีรษะกระแทกพื้นถนนโดยแรง บาดแผลที่ได้รับดังกล่าวถือว่าเป็นบาดแผลฉกรรจ์ แม้ผู้ตายจะไม่ถึงแก่ความตายในทันที แต่ก็อาจถึงแก่ความตายต่อมาในเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่จำเลยจะขับรถแล่นมาทับก็ได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำมาสืบยังไม่อาจรับฟังโดยปราศจากสงสัยว่า ขณะที่ถูกจำเลยขับรถทับนั้นผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ผู้พิพากษา
ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี
วิรุฬห์ แสงเทียน
วรงค์พร จิระภาค
แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/qmiRDey6UqI?si=jk0YM2p_oh4WryIy
TikTok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7499049018555731218?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website :https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


