แชร์

ใช้รถโดยประมาทเรียกไม่ได้ว่าใช้รถในทางที่ผิดจำเลยร่วมจึงไม่พ้นความรับผิด

อัพเดทล่าสุด: 27 พ.ย. 2025
1 ผู้เข้าชม

ใช้รถโดยประมาทเรียกไม่ได้ว่าใช้รถในทางที่ผิดจำเลยร่วมจึงไม่พ้นความรับผิด

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2527

 

คำพิพากษาย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งมีลูกจ้างเป็นผู้ขับขี่และกล่าวหาว่ารถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกข้าวมีน้ำหนักรวมรถยนต์ประมาณ 27 ตันครึ่งแล่นผ่านสะพานไม้ชั่วคราวซึ่งโจทก์มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและได้ติดตั้ง ป้ายห้ามรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 10 ตันแล่นผ่านไว้แล้วทั้งนี้ โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น เป็นเหตุให้สะพานไม้ชั่วคราวยุบพังชำรุดใช้การไม่ได้เป็นคำฟ้อง ที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420,421,437 นั้นเป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดยิ่งขึ้นอีกว่าจำเลยในฐานะเจ้าของ และ ผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา437และการฟ้องให้จำเลยรับผิดตามมาตรา 437เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับรถยนต์ว่าเป็นใครก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ตามคำให้การของจำเลยและจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุคดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุละเมิดจำเลยได้อยู่หรือนั่งมาในรถยนต์คันเกิดเหตุหรือไม่ จำเลยร่วมไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.10 ให้เป็นประเด็นไว้อย่างชัดแจ้งจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในข้อนี้ การใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมายที่จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้นมีความหมายว่าเป็นการใช้รถเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยตรงเช่นใช้รถเป็นพาหนะไปปล้นหรือจงใจบรรทุกของหนีภาษีเป็นต้นแต่การใช้โดยผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกยังเรียกไม่ได้ว่าใช้รถยนต์ใน ทางที่ ผิดกฎหมายจำเลยร่วมจึงไม่พ้นความรับผิด
 

คำพิพากษาย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลรักษาสะพานไม้ชั่วคราวซึ่งได้ติดตั้งป้ายแสดงไว้ว่าห้ามรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 10 ตันแล่นผ่าน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกมีลูกจ้างเป็นผู้ควบคุมขับขี่ได้บรรทุกข้าวมีน้ำหนักรวมทั้งรถยนต์ประมาณ 27 ตันครึ่งแล่นผ่านโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นเหตุให้สะพานไม้นั้นยุบพังต้องเสียค่าซ่อม การกระทำของจำเลยเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,21, 437 ข้อบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า รถจำเลยขณะเกิดเหตุหนักไม่เกิน 10 ตัน คนขับรถมิใช่ลูกจ้างของจำเลยและมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ โจทก์มิได้ระบุชื่อคนขับรถคันเกิดเหตุฟ้องโจทก์เคลือบคลุมด้วยข้อหาขัดกัน ไม่ทราบว่าโจทก์กล่าวหาคนขับรถคันเกิดเหตุกระทำโดยจงใจหรือประมาท จึงไม่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งให้บริษัท ร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด ผู้รับประกันภัยรถคันเกิดเหตุเข้าเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของจำเลย

จำเลยร่วมยื่นคำคัดค้านทำนองคำให้การว่า จำเลยไม่ได้ปฏิบัติตามกรมธรรม์และกฎหมาย คือเมื่อเกิดวินาศภัยจำเลยมิได้แจ้งเหตุ คนขับรถยนต์ของจำเลยไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ จำเลยใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์

จำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาข้อแรกคือ คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ 1 แจ้งให้ทราบว่าโจทก์มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลรักษาสะพานไม้ชั่วคราวที่เกิดกรณีพิพาทคดีนี้ และสะพานนี้ได้ติดตั้งป้ายห้ามรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกิน 10 ตันแล่นผ่าน ในฟ้องข้อ 2 โจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ มีลูกจ้างเป็นผู้ขับขี่และกล่าวหาว่า รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกมีน้ำหนักรวมทั้งรถยนต์ประมาณ 27 ตันครึ่ง แล่นผ่านสะพานโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นการแสดงเหตุที่เป็นผลให้สะพานยุบพังชำรุดใช้การไม่ได้ เห็นว่าคำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้ว ที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปในข้อ 3 ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420, 421, 437 ทำให้โจทก์เสียหายนั้น เห็นว่าเป็นการบรรยายฟ้องให้เห็นชัดยิ่งขึ้นอีกว่า ลูกจ้างของจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตามมาตรา 420, 421 จำเลยในฐานะเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 437 และการฟ้องให้จำเลยรับผิดตามมาตรา 437 เช่นนี้ ไม่จำต้องระบุชื่อว่าผู้ขับขี่รถยนต์เป็นใคร จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 และตามคำให้การของจำเลยและจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ คดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุละเมิดจำเลยได้อยู่หรือนำมาในรถยนต์คันเกิดเหตุหรือไม่

จำเลยร่วมฎีกาว่า จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.10 นั้น ปรากฏว่าจำเลยร่วมอ้างเหตุที่ไม่ต้องรับผิดสามประการเท่านั้น คือประการที่หนึ่งอ้างว่าเมื่อเกิดวินาศภัยแล้วจำเลยไม่แจ้งเหตุ ประการที่สองคนขับรถยนต์ของจำเลยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และประการที่สามจำเลยใช้รถในทางที่ผิด เมื่อจำเลยร่วมไม่ได้ยกข้อกำหนดตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.10 เป็นประเด็นข้อต่อสู้ไว้อย่างชัดแจ้ง จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในข้อนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว

ที่จำเลยร่วมฎีกาต่อไปว่า จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลย "ใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมาย" ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้น เห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวมีความหมายว่า "เป็นการใช้รถเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยตรง" เช่น ใช้รถเป็นพาหนะไปปล้นหรือจงใจบรรทุกของหนีภาษี เป็นต้น แต่การใช้รถยนต์โดยผู้ขับขี่จงใจหรือประมาทไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก เช่นนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยร่วมไม่พ้นความผิด

พิพากษายืน

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 881
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183

ผู้พิพากษา
ยนต์ พิรวินิจ
อุดม บรรลือสินธุ์
พจน์ บุญเลี้ยง

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

 

สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ 

Youtube    https://youtu.be/4BIm2D2P6Dg?si=UFX84IWr36v0y06J

TikTok                 :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7463007512019651848?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033

ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️

Facebook        :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr

Tiktok               :https://www.tiktok.com/@lawyeraor

 Line                  :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt

 เบอร์โทรศัพท์   : 081-755-5585 , 065-701-1441

 Website           :https://www.lawyer-aor.com/

 

#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ