แชร์

แหนบหักไปค้ำคันส่งทำให้จำเลยที่ 1 บังคับรถไม่ได้ เป็นเหตุสุดวิสัย

อัพเดทล่าสุด: 26 พ.ย. 2025
1 ผู้เข้าชม
แหนบหักไปค้ำคันส่งทำให้จำเลยที่ 1 บังคับรถไม่ได้ เป็นเหตุสุดวิสัย
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2506
 
คำพิพากษาย่อสั้น
 
     จำเลยขับรถบรรทุกน้ำมันซึ่งมีผู้เสียหายขออาศัยโดยสารมาด้วย ระหว่างทางรถตกหลุมแหนบหักไปค้ำคันส่ง ทำให้รถเฉไปชนหลักกิโลเมตรข้างทางและตะแคงลง ทำให้ผู้เสียหายถึงแก่กรรม อันเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น แม้รถจำเลยจะบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราก็ตามแต่เมื่อเหตุที่เกิดขึ้นมิได้เนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยแล้ว จำเลยก็หาต้องรับผิดไม่
 
คำพิพากษาย่อยาว
 
     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างด้วยความประมาทเลินเล่อ ทำให้รถพลิกคว่ำเป็นเหตุให้นายสถิตย์ บุญศิริ บุตรโจทก์ซึ่งโดยสารมาด้วยถึงแก่ความตาย จึงขอเรียกค่าอุปการะและค่าสินไหมทดแทน

       จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

       ศาลชั้นต้นเห็นว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิดพิพากษายกฟ้องโจทก์
 
       โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

       โจทก์ฎีกา

   ศาลฎีกาเชื่อตามคำพยานจำเลยว่า จำเลยขับรถไม่เร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งนี้ เพราะพยานจำเลยได้ถูกเจ้าพนักงานสอบสวนเรียกไปสอบสวน พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการเห็นว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้

       ปัญหามีว่า การที่จำเลยที่ 1 บรรทุกน้ำหนักเกินไป 400 กิโลกรัมจะเป็นเหตุให้รถตะแคงหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากพยานโจทก์และพยานจำเลยว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถข้ามสะพานมาเล็กน้อย ล้อรถขวาข้างหน้าตกหลุม เป็นเหตุให้แหนบรถข้างขวาหักรถเฉไปทางขวาจำเลยที่ 1 พยายามหักพวงมาลัยไปทางซ้ายแต่ปรากฏว่าพวงมาลัยทำงานไม่ได้ โดยแหนบหักไปค้ำคันส่ง รถจึงไปชนหลักกิโลเมตรข้างทางตะแคงลง เห็นได้ว่ารถตะแคงเพราะแหนบที่หักไปค้ำคันส่งทำให้จำเลยที่ 1 บังคับรถไม่ได้ กรณีที่แหนบรถหักไปค้ำคันส่งนี้เป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 1 ไม่อาจจะรู้และไม่สามารถป้องกันได้แม้จะฟังว่าแหนบรถหักเนื่องมาจากบรรทุกน้ำหนักเกินอัตรา และรถตกหลุมก็ดี แต่กรณีดังกล่าวไม่น่าจะเป็นเหตุให้รถตะแคงเพราะปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขับรถไม่เร็ว จำเลยที่ 1 ได้ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและปฏิบัติในพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเยี่ยงคนขับรถทั่ว ๆไปทั้งหลายแล้ว จึงถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

       จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443
 
ผู้พิพากษา
สิทธิ เกตุทัต
เชื้อ คงคากุล
เสนอ บุณยเกียรติ
 
แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 
 
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ 

Youtube    https://youtu.be/biZC3F80YvI?si=ArXOI2J-MTCGBxNj

TikTok                  :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7457803055287831816?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
 
 
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️

Facebook        :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr

Tiktok               :https://www.tiktok.com/@lawyeraor

 Line                  :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt

 เบอร์โทรศัพท์   : 081-755-5585 , 065-701-1441

 Website         
 :https://www.lawyer-aor.com/
 
 
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ