แชร์

ถ้าโจทก์ไม่ขับรถล้ำเส้นกลางถนนเข้ามาชนรถจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุให้ชนกันได้

อัพเดทล่าสุด: 26 พ.ย. 2025
2 ผู้เข้าชม

ถ้าโจทก์ไม่ขับรถล้ำเส้นกลางถนนเข้ามาชนรถจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุให้ชนกันได้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2526

 

คำพิพากษาย่อสั้น

   แม้จำเลยจะขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง ขับชิดขวา ไม่เปิดโคมไฟใหญ่ และไม่ให้สัญญาณ ถ้าโจทก์ไม่ขับรถยนต์ล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้ามาชนรถยนต์ที่จำเลยขับในเส้นทางเดินรถของจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุให้ชนกันได้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย
   คำพิพากษาในคดีอาญาจะผูกพันแต่คู่ความเท่านั้น เมื่อจำเลยในคดีแพ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญา ศาลต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
 
คำพิพากษาย่อยาว
   
   โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ที่โจทก์ขับ เป็นเหตุให้รถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์

   จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายประมาทเหตุเกิดจากความประมาทของโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

   ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 167,000 บาท แก่โจทก์

   โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

   ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 83,500 บาท แก่โจทก์

   โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา

   ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาท และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าก่อนชนกันรถยนต์ที่โจทก์ขับจึงวิ่งในลักษณะเสียหลักและปรากฏรอยห้ามล้อบนผิวจราจรฉะนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะขับรถยนต์ที่ถูกชนด้วยความเร็วสูง ขับชิดขวาไม่เปิดไฟโคมใหญ่ และไม่ให้สัญญาดังโจทก์ฎีกาถ้าโจทก์ไม่ขับรถยนต์ล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้ามาชนรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับในเส้นทางเดินรถของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นเหตุให้รถยนต์ชนกันได้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย และที่โจทก์ฎีกาว่าในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5803/2522 ของศาลแขวงธนบุรี พนักงานอัยการฟ้องโจทก์ว่าขับรถยนต์โดยประมาทมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดโดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) กระทำความผิดตามฟ้อง ดังนั้นการพิพากษาคดีนี้จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 นั้นเห็นว่าบทบัญญัติของมาตรานี้ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากล่าวคือคำพิพากษาในคดีอาญาจะผูกพันแต่คู่ความเท่านั้นแต่จำเลยในคดีนี้หาได้เป็นคู่ความในคดีอาญาไม่ ศาลจึงต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในคดีแพ่ง และฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ภ.ก.04602 ไปชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน ร.บ.17579 ที่จำเลยที่ 1ขับโดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง ประเด็นอื่นจึงไม่ต้องวินิจฉัยต่อไป ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น

   พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46

ผู้พิพากษา
แถมชัย สิทธิไตรย์
อาจ ปัญญาดิลก
ไพศาลสว่างเนตร

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

 

สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ 

Youtube    https://youtu.be/cbE80XLaYTY?si=Q-rrLV4HawTdRcQR

TikTok                  :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7452932485521886472?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033

ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️

Facebook       :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr

Tiktok              :https://www.tiktok.com/@lawyeraor

Line                  :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt

เบอร์โทรศัพท์   : 081-755-5585 , 065-701-1441

Website           :https://www.lawyer-aor.com/

 

#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ