สร้างทางโดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่าง โจทก์ขับรถเร็ว ถือว่ามีส่วนประมาท

สร้างทางโดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่าง โจทก์ขับรถเร็ว ถือว่ามีส่วนประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4129/2530
คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์คนหมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร 7 ค-0880 จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ โจทก์โทรศัพท์ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 โดยที่จำเลยที่ 2 ก็ไม่ทราบว่าเหตุเกิดจริงหรือไม่ อย่างไรก็ดีแม้จะฟังว่าเหตุได้เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์เองราคารถยนต์ใหม่ไม่เกิน 250,000 บาท ขณะเกิดเหตุมีราคาประมาณ 80,000 บาท คำฟ้องเรื่องค่าเสียหายของโจทก์เคลือบคลุมและค่าเสียหายอย่างสูงไม่เกิน 5,000 บาท และไม่ต้องเสียเวลาซ่อมถึง 4 เดือน ใช้เวลาซ่อมเพียง 2 สัปดาห์ก็แล้วเสร็จ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งอุปกรณ์การส่องสว่างในเวลากลางคืน การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างทางได้ใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ปิดกั้นขวางถนนที่กำลังก่อสร้าง โดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืนมีโอกาสเห็นได้ในระยะอันสมควรเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน ทำให้ต้องหักรถหลบเป็นเหตุให้รถพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนนเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหาย จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ฐานละเมิด ส่วนจำเลยที่ 1ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซม ก่อสร้างบำรุงรักษาถนนที่เกิดเหตุ ย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายหรือป้ายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุแม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนให้ทำและปิดป้ายจราจร เครื่องหมายไม้กั้นเพื่อความปลอดภัยแก่การจราจร จำเลยที่ 1 ก็ต้องคอยควบคุมดูแลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรขึ้นให้ถูกต้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งให้ถูกต้องแล้วและเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย จำเลยที่ 1 ก็ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย อย่างไรก็ตาม...ฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วโดยมิได้ใช้ความระมัดระวังประกอบกับเมื่อตอนขามาโจทก์ก็ได้ขับรถผ่านถนนช่วงที่เกิดเหตุนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในตอนขากลับโจทก์น่าที่จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามีทางที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างหน้า แต่โจทก์ก็มิได้ใช้ความระมัดระวัง คงขับรถด้วยความเร็วจึงได้เกิดเหตุขึ้น โจทก์จึงได้ชื่อว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วย และหากจะพิเคราะห์ความประมาทระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนในความประมาทมากกว่าเพราะการที่จำเลยทั้งสองใช้ถังปิดกั้นขวางถนนไว้ในเวลากลางคืนโดยไม่มีอุปกรณ์การส่องสว่างเช่นนั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่ใช้ยวดยานในเวลากลางคืนได้ง่าย...จำเลยทั้งสองมีส่วนประมาทในการที่ก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า จึงให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหายสองในสามส่วนของค่าเสียหายทั้งหมด
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
ผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์
ธิรพันธุ์ รัศมิทัต
สง่า ศิลปประสิทธิ์
แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/6h3vYe4Buew?si=rE9wxoYSjP9ejeMh
TikTok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7450708975521221889?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website :https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


