ทรัพย์สินโจทก์เสียหายและสูญหาย เกิดจากการละเมิดของจำเลย จำเลยต้องรับผิด

ทรัพย์สินโจทก์เสียหายและสูญหาย เกิดจากการละเมิดของจำเลย จำเลยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3397/2529
คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ไปชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์จริง แต่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากบริษัทสินมั่นคงประกันภัยแล้ว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะบรรยายฟ้องอ้างจำนวนทรัพย์สินที่เสียหายมาลอย ๆไม่มีเอกสารมาแสดง ไม่บรรยายฟ้องว่าทรัพย์สินเสียหายอย่างใดเพราะเหตุใด หากโจทก์เสียหายจริง จำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดเพราะหลังจากเกิดเหตุแล้ว ชาวบ้านมาปล้นเอาทรัพย์สินของโจทก์ไปถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดสังกะสีคืนจากคนร้ายได้ 152 แผ่น ค่าเสียหายที่โจทก์ไม่สามารถนำรถยนต์บรรทุกไปใช้งานได้เป็นเงินเพียง 4,000 บาท และโจทก์จำเลยได้ตกลงกันแล้วว่าไม่ติดใจเรียกค่าเสียหายส่วนนี้ต่อกัน ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 202,487.32 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิด จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้เสร็จ และให้จำเลยทั้งสองเสียค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาทแทนโจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 1,500 บาท
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แจ้งชัดแล้วว่าสังกะสีที่โจทก์บรรทุกรถมาแตกเสียหายและสูญหาย โดยได้บรรยายขนาดของสังกะสีแต่ละขนาด และจำนวนแผ่นของสังกะสีขนาดนั้น ๆ ที่เสียหายและสูญหายรวมทั้งราคาของสังกะสีดังกล่าวด้วยและรวมทั้งราคาของผ้าใบคลุมรถ และวิทยุเทปติดรถ แม่แรงยกรถกับทรัพย์สินอื่น ๆโจทก์ไม่จำต้องแสดงหลักฐานการแจ้งความแก่ตำรวจมาในฟ้องรวมทั้งไม่จำต้องแนบสำเนารายการทรัพย์สินที่เสียหายมาท้ายฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อมาว่าเชื่อไม่ได้ว่านายแตน ศรีมนัส พยานโจทก์เป็นเจ้าของสังกะสีเห็นว่านายแตนเป็นเจ้าของสังกะสีหรือไม่ก็ตาม โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจ้างบรรทุกสินค้าดังกล่ว ย่อมจะต้องมีความรับผิดต่อผู้ว่าจ้างบรรทุก จึงย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุให้รับผิดในผลละเมิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถอยู่แล้ว ฎีกาจำเลยที่ 2ในข้อนี้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2
ปัญหาที่ว่ารถโจทก์บรรทุกสังกะสีมาเป็นจำนวนเท่าใดและเหตุที่เกิดขึ้นทำให้สังกะสีต้องบุบสลาย เสียหายไปเป็นจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ปัญหาดังกล่าวศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยมา ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อมาว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีชาวบ้านจำนวนมากออกมายื้อแย่งเอาทรัพย์สินและสังกะสีไป สุดความสามารถที่คนขับรถและคนท้ายรถของโจทก์และจำเลยที่ 2 จะห้ามปรามได้ จึงถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยเห็นว่าความเสียหายของโจทก์ในส่วนนี้เนื่อมาจากทรัพย์สินของโจทก์ต้องบุบสลายเสียหายและสูญหายเพราะเกิดจากผลบแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างด้วยโดยตรง แม้คนของโจทก์หรือคนของจำเลยที่ 2 ต่างก็ไม่สามารถคุ้มครองทรัพย์สินนั้นได้ ความเสียหายของโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นผลโดยตรงจากการละเมิด ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ฯลฯ
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาทแทนโจทก์
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ผู้พิพากษา
วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์
โสภณ รัตนากร
ไพรัช วงศ์วัฒนะ
แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/gZ8oEsTd4k0?si=VQ0j-W1UjAwtH3K8
TikTok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor/video/7447777472566938898?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7539731687648364033
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website :https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


