จ้างคนขับรถยนต์ทั้งที่รู้ว่าอายุ18-19ปี ไม่มีใบขับขี่ ถือว่ามีส่วนประมาท

จ้างคนขับรถยนต์ทั้งที่รู้ว่าอายุ18-19ปี ไม่มีใบขับขี่ ถือว่ามีส่วนประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2510
คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์ได้จ้างจำเลยมาขับรถยนต์ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าจำเลยอายุ เพียง 18-19 ปีและไม่มีใบขับขี่ ซึ่งโดยปกติย่อมจะถืออยู่ว่าเป็น ผู้มีความระมัดระวังและความสามารถในการขับรถน้อยอยู่แล้วจึงนับว่าเป็นความประมาทของโจทก์อันมีส่วนเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ถือได้ว่าโจทก์เสี่ยงยอมรับผลเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงควรมีส่วนรับผิดด้วย
จำเลยต่อสู้ว่า รถตามฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของคนอื่น อยู่ในความครอบครองของโจทก์ โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของจึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 ขับรถ รถเกิดอุบัติเหตุห้ามล้อแตกจึงพลิกคว่ำ เป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ได้ประมาทไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 2 ได้ใช้ความระมัดระวังจำเลยที่ 1 ตามหน้าที่บิดาแล้ว โจทก์เสียหายไม่มาก จำเลยไม่เคยยอมรับว่าจะใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 3,150 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 7,750 บาทและให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดด้วย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถพิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้รถพิพาทจะยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขายและนางกรีภริยาโจทก์โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อมา แต่การเช่าซื้อรายนี้โจทก์เป็นผู้ไปติดต่อตกลงกับผู้ขายและเป็นผู้ค้ำประกันนางกรี โจทก์ขายนาของโจทก์มาชำระราคารถและเป็นผู้จัดการนำรถไปเดินรับส่งคนโดยสารหารายได้มาเลี้ยงดูอุปการะครอบครัว ตลอดจนเป็นผู้ควบคุมดูแลเก็บรักษารถนางกรีเองก็ว่า การซื้อรถนี้โจทก์เป็นผู้ซื้อ แต่ที่ลงชื่อนางกรีเพราะนางกรีไม่ไว้ใจเกรงสามีจะไปมีภริยาใหม่ และการที่จำเลยขับรถไปพลิกคว่ำโดยประมาททำให้รถเสียหายเช่นนี้ ย่อมเป็นการทำให้เสียหายแก่การเดินรถหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ทั้งโจทก์และภริยาอาจต้องรับผิดกับผู้ให้เช่าซื้ออีกด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จ้างจำเลยที่ 1 มาขับรถยนต์พิพาทโดยรู้อยู่ว่าจำเลยอายุเพียง 18-19 ปี และไม่มีใบขับขี่ ซึ่งโดยปกติย่อมจะต้องถืออยู่ว่าเป็นผู้มีความระมัดระวังและความสามารถในการขับรถน้อยอยู่แล้ว จึงนับว่าเป็นความประมาทของโจทก์อันมีส่วนเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ถือได้ว่าโจทก์เสี่ยงยอมรับผลเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงควรมีส่วนรับผิดด้วย ส่วนค่าขาดรายได้ซึ่งโจทก์ขอเพิ่มจากที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ ไม่มีเหตุที่ควรจะแก้ไข
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ผู้พิพากษา
วิเชียร เศวตรุนทร์
สอาด นาวีเจริญ
สวิง ลัดพลี
แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://youtu.be/ZjQ6rN0dw4Q?si=Ne6atoEO9opHSgmI
ติดต่อทีมงานทนายอ้อได้ที่ ⬇️
Facebook :https://www.facebook.com/share/1Bb1gYBdZc/?mibextid=wwXIfr
Tiktok :https://www.tiktok.com/@lawyeraor
Line :https://line.me/ti/p/NBw5dNkeFt
เบอร์โทรศัพท์ : 081-755-5585 , 065-701-1441
Website :https://www.lawyer-aor.com/
#ฟ้องคดีรถชนกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีอุบัติเหตุกับทนายอ้อ
#ฟ้องคดีประกันภัยกับทนายอ้อ
#ทนายความคดีรถชน
#ทนายความคดีอุบัติเหตุ
#ฟ้องคดีรถชน
#ทนายความ
#ทนายอ้อ
#ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
#ฟ้องคดีละเมิด
#ปรึกษาทนายความคดีรถชนฟรี


