ผู้เอาประกันภัยต้องบอกกล่าวถึงภัยที่เกิดขึ้นแก่ผู้รับประกันภัยโดยไม่ชักช้า
อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2024
128 ผู้เข้าชม

ผู้เอาประกันภัยต้องบอกกล่าวถึงภัยที่เกิดขึ้นแก่ผู้รับประกันภัยโดยไม่ชักช้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2501
คำพิพากษาย่อสั้น
รถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของให้เช่าไปใช้โดยไม่ได้เอาไปทำเป็นรถยนต์ประเภทสาธารณะ ย่อมยังคงเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลอยู่ การที่ผู้เอาประกันภัยบอกกล่าวแก่ผู้รับประกันภัยเรื่องวินาศภัยที่เกิดขึ้นชักช้า นั้นหาเป็นเหตุให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิดจากสัญญาประกันภัยไม่
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับประกันภัยรถยนต์ของนายปรีชา ต่อมานายปรีชาได้โอนรถนั้นพร้อมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย ต่อมารถยนต์หาย จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย จึงขอให้บังคับ จำเลยรับว่าได้รับประกันภัยประเภทรถส่วนบุคคลไว้จริง แต่โจทก์เอารถไปให้เช่าเป็นรถประเภทสาธารณะ ผิดสัญญา อนึ่งเมื่อรถหายโจทก์ไม่ได้แจ้งให้ทราบทันทีเป็นการผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์รับโอนรถไปแล้วให้นายปรีชาเช่าไปนั้นไม่เป็นการผิดสัญญา เพราะการให้เช่ารถไปโดยไม่ปรากฏว่าได้เอารถไปทำเป็นรถสาธารณะ ไม่ทำให้รถนั้นกลายเป็นรถสาธารณะไปส่วนการแจ้งรถหายชักช้าไม่แจ้งทันทีก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน แต่เป็นสิทธิที่จำเลยจะเรียกร้องเอาจากโจทก์เป็นส่วนหนึ่งตามความเสียหายที่เกิดแก่จำเลย พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 4
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 881
ผู้พิพากษา
ศิลปสิทธิวินิจฉัย
ดุลยกรณ์พิทารณ์
ไชยเจริญ สันติศิริ
แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2501
คำพิพากษาย่อสั้น
รถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของให้เช่าไปใช้โดยไม่ได้เอาไปทำเป็นรถยนต์ประเภทสาธารณะ ย่อมยังคงเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลอยู่ การที่ผู้เอาประกันภัยบอกกล่าวแก่ผู้รับประกันภัยเรื่องวินาศภัยที่เกิดขึ้นชักช้า นั้นหาเป็นเหตุให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิดจากสัญญาประกันภัยไม่
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับประกันภัยรถยนต์ของนายปรีชา ต่อมานายปรีชาได้โอนรถนั้นพร้อมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย ต่อมารถยนต์หาย จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย จึงขอให้บังคับ จำเลยรับว่าได้รับประกันภัยประเภทรถส่วนบุคคลไว้จริง แต่โจทก์เอารถไปให้เช่าเป็นรถประเภทสาธารณะ ผิดสัญญา อนึ่งเมื่อรถหายโจทก์ไม่ได้แจ้งให้ทราบทันทีเป็นการผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์รับโอนรถไปแล้วให้นายปรีชาเช่าไปนั้นไม่เป็นการผิดสัญญา เพราะการให้เช่ารถไปโดยไม่ปรากฏว่าได้เอารถไปทำเป็นรถสาธารณะ ไม่ทำให้รถนั้นกลายเป็นรถสาธารณะไปส่วนการแจ้งรถหายชักช้าไม่แจ้งทันทีก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน แต่เป็นสิทธิที่จำเลยจะเรียกร้องเอาจากโจทก์เป็นส่วนหนึ่งตามความเสียหายที่เกิดแก่จำเลย พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 4
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 881
ผู้พิพากษา
ศิลปสิทธิวินิจฉัย
ดุลยกรณ์พิทารณ์
ไชยเจริญ สันติศิริ
แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
บทความที่เกี่ยวข้อง


