แชร์

ถ้าผู้รับประกันภัยยังไมได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ยังรับช่วงสิทธิไม่ได้

อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2024
156 ผู้เข้าชม
ถ้าผู้รับประกันภัยยังไมได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ยังรับช่วงสิทธิไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6638/2540

คำพิพากษาย่อสั้น
     โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในการเรียกค่าเสียหายจากเหตุรถยนต์ชนกันแต่โจทก์มีส่วนได้เสียในฐานะผู้รับประกันและอาจรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ถ้าความวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้รับช่วงสิทธิและไม่มีอำนาจฟ้อง ที่โจทก์ฎีกาว่าเป็นการฟ้องตั้งสิทธิเป็นสิทธิของโจทก์เองนั้นก็ไม่มีกฎหมายสนับสนุนไว้

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-1960 นครสวรรค์ ของจำเลยที่ 2 ที่นำไปเข้าร่วมขนส่งคนโดยสารกับจำเลยที่ 3 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าชนท้ายรถคันหมายเลขทะเบียน 70-0572 เชียงใหม่ที่โจทก์รับประกันภัยไว้จากบริษัทเชียงใหม่ธนาธร จำกัด แล้วเสียหลักไปชนรถยนต์เก๋งที่แล่นสวนทางมาเสียหาย ผู้ครอบครองรถยนต์เก๋งเรียกร้องให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย 287,950 บาท โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากรถยนต์ที่โจทก์รับประกันไว้โจทก์จึงขอตั้งสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยทั้งสาม ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหาย 287,950 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า บริษัทเชียงใหม่ธนาธร จำกัด จะเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ดังกล่าวมาก่อนหรือขณะเกิดเหตุหรือไม่ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ขอรับรอง หากฟังว่าโจทก์รับประกันภัยจริง โจทก์จะต้องแสดงหนังสือรับรองการจดทะเบียนหรือหลักฐานอื่น โจทก์ก็มิได้แสดงตนเข้าเรียกร้องค่าเสียหาย โจทก์ไม่มีอำนาจเข้ารับช่วงสิทธิหรือไม่มีสิทธิตั้งสิทธิไล่เบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์มิได้เป็นผู้รับประกันรถยนต์หมายเลขทะเบียน 70-0572 เชียงใหม่ การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีมิได้ทำโดยถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 มิใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุก็มิได้ขับรถยนต์โดยสารไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถยนต์บรรทุกเพียงผู้เดียว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์แต่เพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ในการฟ้องคดีนั้นเป็นการใช้สิทธิของโจทก์เองที่ถูกกระทบให้ต้องได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากการเกิดเหตุและโจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกไปตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย อันเนื่องมาจากรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอก หาใช่เป็นการรับช่วงสิทธิในค่าเสียหายของรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไม่ เห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในการเรียกค่าเสียหายจากเหตุรถยนต์ชนกัน แต่โจทก์มีส่วนได้เสียในฐานะผู้รับประกันภัยและอาจรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัย ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้รับช่วงสิทธิและไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ฎีกาว่า เป็นการฟ้องตั้งสิทธิเป็นสิทธิของโจทก์เองไม่มีกฎหมายสนับสนุน ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 227
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

ผู้พิพากษา
ชวลิต ศรีสง่า
ปรีชา เฉลิมวณิชย์
วิเทพ ศิริพากย์

แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ