แชร์

ผู้เช่าซื้อเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์ที่เช่าซื้อ เป็นผู้เอาประกันภัยได้ 3

อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2024
197 ผู้เข้าชม
ผู้เช่าซื้อเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์ที่เช่าซื้อ เป็นผู้เอาประกันภัยได้ 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2524

คำพิพากษาย่อสั้น
     โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยแม้จะชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมด มิใช่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ แต่ก็เป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เช่าซื้อมา จึงมีสิทธิทำสัญญาประกันภัยกับจำเลยได้ แม้โจทก์จำเลยจะได้ตกลงระบุให้บริษัทผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยอันเป็นสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก แต่บริษัทดังกล่าวยังมิได้แสดงเจตนาที่จะถือเอาประโยชน์จากสัญญาประกันภัย สิทธิจึงยังไม่เกิด โจทก์ย่อมเปลี่ยนแปลงข้อตกลงโดยเข้าเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยเสียเองได้ เมื่อโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์แล้ว จำเลยไม่ชำระ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัท พ. และได้ทำสัญญาเอาประกันภัยไว้กับจำเลย ต่อมามีคนร้ายลักรถโจทก์ไป โจทก์ทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว จำเลยปฏิเสธจึงขอให้บังคับจำเลย

     จำเลยให้การว่า ตามสัญญาประกันภัยมีข้อตกลงว่า เมื่อรถที่เอาประกันภัยไว้เสียหายหรือสูญหายจะใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของที่ระบุชื่อไว้คือบริษัท พ. โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์
     ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา
     ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลย แม้จะชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมด มิใช่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ในระหว่างสัญญาเช่าซื้อ โจทก์มีสิทธิยึดถือใช้ประโยชน์ ตลอดจนต้องรับผิดในความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดแก่รถยนต์ที่เช่าซื้อ เมื่อชำระค่าเช่าซื้อเสร็จสิ้นย่อมได้กรรมสิทธิ์และในกรณีที่มีการเลิกสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนในสภาพเดิม โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เช่าซื้อมา มีสิทธิทำสัญญาประกันภัยกับจำเลยได้และหากโจทก์จำเลยได้ตกลงระบุให้บริษัท พ. เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยซึ่งเป็นสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกแต่บริษัท พ. ยังมิได้แสดงเจตนาที่จะถือเอาประโยชน์จากสัญญาประกันภัย สิทธิจึงยังไม่เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 โจทก์ย่อมเปลี่ยนแปลงข้อตกลงโดยเข้าเป็นผู้รับประโยชน์เสียเองได้ และเมื่อโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนนั้นแล้วจำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แต่ประเด็นในคดีนี้จะวินิจฉัยได้ก็โดยอาศัยพยานหลักฐานของโจทก์จำเลย ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานและศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ยืนตามกันมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

     พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 863

ผู้พิพากษา
ไพศาล สว่างเนตร
จังหวัด แสงแข
อาจ ปัญญาดิลก

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ