แชร์

กรณีถือว่าประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน 2 

อัพเดทล่าสุด: 6 มิ.ย. 2024
216 ผู้เข้าชม
กรณีถือว่าประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน 2 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2538

คำพิพากษาย่อสั้น
     ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและคนขับรถของโจทก์มีความประมาทเท่าๆกันค่าเสียหายของโจทก์จึงตกเป็นพับ โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว จำเลยแก้อุทธรณ์ว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ปัญหาว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทด้วยหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาว่าจำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาท คงฎีกาได้เพียงว่าคนขับรถยนต์ของโจทก์มีส่วนประมาทด้วยหรือไม่และเมื่อคดีฟังได้ว่าคนขับรถของโจทก์และจำเลยมีความประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันค่าเสียหายจึงเป็นพับกันไป

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น-2840 มหาสารคาม ด้วยความประมาท โดยขับด้วยความเร็วสูงในขณะใกล้ที่เกิดเหตุเป็นโค้งและแคบและขับล้ำเส้นแบ่งช่องเดินรถเข้าไปในช่องเดินรถของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น-4380 มหาสารคาม  ซึ่งโจทก์เป็นผู้ครอบครองและมีนายยุทธนา เสนามาตย์ ขับสวนทางมาเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ที่นายยุทธนา ขับมาทำให้รถยนต์ที่นายยุทธนาขับมาได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 128,857.00 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าเหตุที่รถชนกันเป็นเพราะความประมาทของนายยุทธนาผู้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น-4380 มหาสารคาม ของโจทก์แต่เพียงผู้เดียว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์
     ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 109,690.00 บาท พร้อม ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่กระทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น

     จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริ ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันหมายเลข ทะเบียน น-4380 มหาสารคาม  ในวันเกิดเหตุนายยุทธนา บุตรโจทก์ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวจากอำเภอบรบือ ตามถนนสายท่าพระ-โกสุมพิสัย ไปทางจังหวัดขอนแก่น ส่วนจำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น-2840 มหาสารคาม จากจังหวัดขอนแก่นไปอำเภอโกสุมพิสัย สวนทางกับรถยนต์ที่นายยุทธนาขับ เมื่อรถยนต์ทั้งสองคันได้มาถึงบริเวณทางโค้งใกล้หมู่บ้านหนองหญ้าแพรกแล้ว รถยนต์ทั้งสองคันชนกันเป็นเหตุรถยนต์คันที่โจทก์เช่าซื้อได้รับความเสียหายที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาทด้วยนั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและนายยุทธนาคนขับรถของโจทก์มีความประมาทเท่าๆกัน ค่าเสียหายของโจทก์จึงตกเป็นพับพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์แต่ฝ่ายเดียว จำเลยแก้อุทธรณ์ว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ในปัญหาที่ว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทด้วยหรือไม่จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่จำเลยหยิบยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นในชั้นฎีกาว่าจำเลยมิได้ประมาทนั้น เท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาท คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยเพียงว่านายยุทธนาคนขับรถยนต์คันที่โจทก์เช่าซื้อมีส่วนประมาทด้วยหรือไม่ ฟังได้ว่านายยุทธนาขับรถโดยประมาท เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าฝ่ายจำเลยขับรถเบียดเข้ามาในช่องเดินรถของฝ่ายโจทก์และนายยุทธนาคนขับรถของโจทก์ขับรถโดยความเร็วในทางโค้งจนบังคับรถยนต์ไม่อยู่และชนกับรถยนต์ของจำเลย จึงฟังได้ว่านายยุทธนาคนขับรถของโจทก์และจำเลยมีความประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ค่าเสียหายจึงเป็นพับกันไปฎีกาจำเลยฟังขึ้น"
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 237
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 

ผู้พิพากษา
ก้าน อันนานนท์
อัครวิทย์ สุมาวงศ์
ชัยวัฒน์ ดุลยปวีณ 

แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ