แชร์

โจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพ  ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพ จำเลยจะยกเป็นข้อปัดความรับผิดมิได้

อัพเดทล่าสุด: 6 มิ.ย. 2024
189 ผู้เข้าชม

โจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกค่าปลงศพ  ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพ จำเลยจะยกเป็นข้อปัดความรับผิดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2538

คำพิพากษาย่อสั้น
     จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ อ. ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายไว้  การที่จำเลยที่ 2 นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคหนึ่ง  จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในเรื่องดังกล่าว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่1ประมาทเพียงฝ่ายเดียวจำเลยที่ 3 ไม่ได้ประมาทด้วยจำเลยที่ 2 กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียวแต่จำเลยที่ 3 เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วยโดยกล่าวลอยๆเพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่1 เพียงไรและจำเลยที่ 3 มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไรดังนั้นการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ประมาทด้วยหรือไม่ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้จึงชอบแล้ว โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1649 จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม

คำพิพากษาย่อยาว 
     โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่1 เป็นสามีของนางลำใย คงเปลี่ยน โจทก์ที่ 2 เป็นมารดาของนางมะลิ สืบเทศ จำเลย ที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 และ ที่ 5 จำเลยที่ 1 และ ที่ 3 ต่างขับรถยนต์มาในทางการที่จ้างโดยประมาทเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกันทำให้นางลำใยและนางมะลิ ซึ่งโดยสารมาในรถคันที่จำเลยที่ 1  ขับ ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ที่ 4 และ ที่ 5 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 และ โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ย
ระหว่างพิจารณาโจทก์ทั้งสองถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
    จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่อาจเรียกค่าปลงศพได้เพราะมิได้ชำระค่าปลงศพ  จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2  แต่เป็นผู้เช่ารถในวันเกิดเหตุ นางมะลิและโจทก์ที่ 2 ร่วมกันใช้หรือจ้างวานจำเลยที่ 1 ขับรถให้  จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดจำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายประมาทแต่ความประมาทเกิดขึ้นเพราะการกระทำของจำเลยที่ 3 โจทก์ทั้งสองไม่เคยทวงถามจำเลยที่ 2  โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 3 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 4 และ ที่ 5 ให้การว่า  เหตุที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของจำเลย ที่ 3 จำเลย ที่ 3 ไม่ใช่ลูกจ้าง หรือ ตัวแทนของจำเลยที่ 4 และ ที่ 5 ภายหลังเกิดเหตุมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันมูลหนี้เกิดจากการละเมิดจึงระงับไปจำเลยที่ 4 และ ที่ 5 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 61,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 25,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 และชำระเงิน 51,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 15,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้น ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ที่ 2 ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และ ที่ 5
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า  ส่วนโจทก์ทั้งสองจะได้มอบอำนาจให้นายอัษฎางค์ ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายตามเอกสารหมาย ล. 1 จริงหรือไม่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงไม่เป็นประเด็น ที่ จำเลย ที่ 2 จะยกมาว่ากล่าวได้นั้น  แม้จำเลยที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ไว้  แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่ามีเอกสารหมาย ล. 1 จริง และการ เกิดของเอกสารนี้ก็ต้องนำเข้ามาวินิจฉัยด้วยเห็นว่า จำเลยที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ไว้เลยว่าโจทก์ทั้งสองได้มอบอำนาจให้นายอัษฎางค์ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายตามเอกสารหมาย ล. 1 คดีย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ จะ ต้อง วินิจฉัย ใน ข้อเท็จจริง ดังกล่าวการ ที่ จำเลยที่ 2 นำสืบ ใน ชั้นพิจารณา ว่า โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้นายอัษฎางค์ไปทำความตกลงชดใช้ค่าเสียหายตามเอกสารหมาย ล. 1 จึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ด้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ใน ข้อนี้ จึงชอบแล้ว
ฎีกาของจำเลย ที่ 2 ประการ ต่อไปที่ว่า แม้ศาลชั้นต้นจะฟังว่าจำเลย ที่ 3 ไม่ได้ประมาทจำเลย ที่ 2 ก็สามารถอุทธรณ์ได้ว่าจำเลย ที่ 3 ประมาทด้วย ซึ่งหากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเช่นนั้นจำเลย ที่ 3 ก็ต้องรับผิดการที่ จะพิจารณาว่าจำเลย ที่ 2 ต้องรับผิดน้อยลงหรือไม่เพียงใด เป็นดุลพินิจของศาล  ไม่จำเลย ที่ 2 ต้องอุทธรณ์ขอให้รับผิดน้อยลงเพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 432 บัญญัติไว้อย่างแจ้งชัดศาลอุทธรณ์จึงควรวินิจฉัยในปัญหานี้นั้น  เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 และ ที่ 3 ต่างขับรถโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกันทำให้นางลำใยและนางมะลิ ถึงแก่ความตาย จำเลย ที่ 2 ยื่นคำให้การ ว่าจำเลย ที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายประมาทแต่ความประมาทเกิดขึ้นเพราะจำเลย ที่ 3 ขับรถกินทางเข้ามาชนรถของจำเลย ที่ 2 ในช่องเดินรถของ จำเลย ที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 หยุดรถเพื่อรอให้รถของจำเลย ที่ 3 ขับผ่านไปก่อน กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 432 ดังที่จำเลย ที่ 2 อ้างมาในฎีกาเพราะจำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 มิได้ร่วมกันทำละเมิด ทั้งการที่บุคคลหลายคนร่วมกันทำละเมิด กฎหมายก็บัญญัติให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อ ความเสียหายนั้น ตามมาตรา 432 วรรคหนึ่งหาใช่ให้แยกความรับผิด ดังที่จำเลย ที่ 2 เข้าใจไม่ เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลย ที่ 1 ประมาทเพียงฝ่ายเดียวจำเลย ที่ 3 ไม่ได้ประมาทด้วย จำเลย ที่ 2 กลับ ยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลย ที่ 1 มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียวแต่จำเลย ที่ 3 เป็น ฝ่ายประมาทร่วมด้วยโดยกล่าวลอย ๆ เพียงเท่านี้  มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลย ที่ 2 จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลย ที่ 1เพียงไรและจำเลย ที่ 3 มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไร  ดังนั้นการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลย ที่ 3 ประมาทด้วยหรือไม่ ย่อม ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของ จำเลย ที่ 2 ในข้อนี้จึงชอบแล้ว
ประเด็นสุดท้ายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่า โจทก์ทั้งสองซึ่งไม่ได้จ่ายค่าปลงศพผู้ตายทั้งสองจะมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากจำเลยที่ 2 ได้หรือไม่ เห็นว่าโจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649 จึงย่อมมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิด เมื่อโจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกค่าปลงศพแล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพจำเลยที่ 2 ก็จะยกเป็นข้อปัดความรับผิดมิได้ โจทก์ทั้งสองจึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากจำเลยที่ 2 ได้
พิพากษายืน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

ผู้พิพากษา
ระพินทร บรรจงศิลป
อำนวย สุขพรหม
ปรีชา นาคพันธุ์ 

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ