แชร์

จำเลยที่ 1เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกทรัพย์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกัน

อัพเดทล่าสุด: 30 พ.ค. 2024
136 ผู้เข้าชม

จำเลยที่ 1เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกทรัพย์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันในกิจการของหุ้นส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2514

คำพิพากษาย่อสั้น
     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับด้วยความประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย ขอให้ร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกของของผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 2 นำสืบในทำนองนี้และว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตกลงทำสัญญารับจ้างขนของรายนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเอง ผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ เห็นได้ว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกทรัพย์ เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน และคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนขับรถยนต์ เลขทะเบียน ก.ท.ว.11106 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2 ที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถดังกล่าวและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติงานในทางการที่จ้างตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 และปฏิบัติตามคำสั่งและในทางการที่จ้างและธุรกิจของจำเลยที่ 3 โดยบรรทุกลูกระเบิดซึ่งจำเลยที่ 2, ที่ 3 ร่วมกันรับจ้างขนส่ง จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความเร็วสูงเกินอัตราได้ขับด้วยความประมาทชนรถยนต์อีซูซุ ก.ท.ร.10904 ของโจทก์ตกลงในคูเสียหายมากและนายประยูร แซ่เงียะ ลูกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นคนขับได้รับบาดเจ็บ ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันชำระค่าซ่อมแซมรถ 37,965 บาท ค่าเสียเวลาไม่ได้ใช้รถระหว่างซ่อม ต้องเช่ารถผู้อื่น 60,000 บาท ค่ารถเสื่อมราคา 50,000 บาทและดอกเบี้ยจากเงินค่าซ่อมรถนับแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ

     จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

     จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ไม่ใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ ก.ท.ร.10904 จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ปฏิบัติงานในทางการที่จ้างหรือตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ความจริงจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกลูกระเบิด จำเลยที่ 3 จึงเป็นนายจ้าง การที่รถชนกันเป็นความประมาทของลูกจ้างโจทก์ค่าเสียหายไม่เท่าที่ฟ้อง

     จำเลยที่ 3 ให้การทำนองเดียวกับจำเลยที่ 2 และปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างหรือตัวแทน ไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ปฏิบัติงานในทางการที่จ้างหรือคำสั่งของจำเลยที่ 3

     ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 ขับรถชนรถโจทก์โดยละเมิด จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดด้วย ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันและแทนกันชำระค่าซ่อมรถ 33,001 บาท ค่าเช่ารถจากคนอื่น 30,000 บาท ค่ารถเสื่อมราคา 10,000 บาทและดอกเบี้ยในเงินค่าซ่อมรถ 33,001 บาท นับแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิด ให้ยกฟ้อง

     จำเลยที่ 2 ผู้เดียวอุทธรณ์

     ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

     จำเลยที่ 2 ฎีกา

     ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น ข้อนี้จำเลยที่ 2 ได้ให้การไว้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกลูกระเบิดให้องค์การ ร.ส.พ. และในการนำสืบ จำเลยที่ 2 ก็นำสืบในทำนองนี้ เพียงแต่ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปตกลงทำสัญญากับองค์การ ร.ส.พ.เองเท่านั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเอง ส่วนผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกันโดยจำเลยที่ 1เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกทรัพย์ เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอกคือโจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันในกิจการของหุ้นส่วน และคดีนี้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่

     เมื่อวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นด้วยแล้ว พิพากษายืน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1042
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177

ผู้พิพากษา
บุณยเกียรติ อรชุนะกะ
สุธรรม วรรณแสง
อัศนี เกาไศยนันท์

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ