แชร์

คนขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างของ ต.ถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

อัพเดทล่าสุด: 6 มิ.ย. 2024
181 ผู้เข้าชม

บริษัทจำเลยที่ 3 ประกอบกิจการขนส่งคนโดยสารโดยใช้รถแท็กซี่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุได้ทำสัญญานำรถเข้าร่วมกิจการของจำเลยที่ 3 และโอนทะเบียนรถเป็นชื่อจำเลยที่ 3 ตามเอกสารหมาย จ.3, จ.4 ทั้งพ่นสีตรารถเป็นของบริษัท คนขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างของ ต.ถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2526

คำพิพากษาย่อสั้น
     บริษัทจำเลยที่ 3 ประกอบกิจการขนส่งคนโดยสารโดยใช้รถแท็กซี่ ต. เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ ได้ทำสัญญานำรถเข้าร่วมกิจการของจำเลยที่ 3 โดยชำระเงินให้จำเลยที่ 3 จำนวน 150 บาท และโอนทะเบียนรถเป็นชื่อจำเลยที่ 3 ทั้งพ่นสีตรารถเป็นของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ยังได้รับประโยชน์ตอบแทนอีกเดือนละ 70 บาท ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 34(พ.ศ.2513) ข้อ 5 และฉบับที่ 36 (พ.ศ.2519) ข้อ 2 ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ.2473 ซึ่งใช้บังคับขณะเกิดเหตุกำหนดให้บริษัทจำเลยที่ 3 มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อประกอบการเดินรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และต้องไม่ยอมให้ผู้ขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างหรือบุคคลอื่นเช่ารถไปหารายได้ ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทจำเลยที่ 3 รับผิดในทางแพ่ง จำเลยที่ 3 ทราบข้อกำหนดของกฎกระทรวงนี้ดีทั้งไม่ปรากฏหลักฐานเป็นหนังสือว่าได้มีการถอนคืนการครอบครองรถไปจากจำเลยที่ 3 คนขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างของ ต.ถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เกิดชนกันกับรถยนต์ที่นายคูณ บุญขันธ์ ลูกจ้างที่กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 โดยความประมาททั้งสองฝ่ายเป็นเหตุให้ตึกแถวของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย178,090 บาท พร้อมดอกเบี้ย

     จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

     จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างให้การว่าไม่ได้ขับรถโดยประมาทและตึกแถวที่ถูกรถชนไม่ใช่ของโจทก์ จำเลยที่ 2 รับว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จริงค่าเสียหายโจทก์ไม่เกิน 23,500 บาท จำเลยที่ 3 ว่าโจทก์ไม่เสียหาย

     ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 34,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

     โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์

     ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นเงิน 107,352.36 บาท จำเลยที่ 3 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 36,838.09 บาทและให้จำเลยทั้งสามชำระดอกเบี้ยด้วย

     จำเลยทั้งสามฎีกา

     ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อกฎหมายที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า คนขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือพนักงานของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 3 ประกอบกิจการขนส่งคนโดยสารโดยใช้รถแท็กซี่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร นายเต็กเซียะ แซ่ลี้ เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุได้ทำสัญญานำรถเข้าร่วมกิจการของจำเลยที่ 3 โดยชำระเงินให้จำเลยที่ 3 จำนวน 150 บาท และโอนทะเบียนรถเป็นชื่อจำเลยที่ 3 ตามเอกสารหมาย จ.3, จ.4 ทั้งพ่นสีตรารถเป็นของบริษัทจำเลยที่ 3 ตามภาพถ่ายหมาย จ.13 จำเลยที่ 3 ยังได้รับประโยชน์ตอบแทนอีกเดือนละ 70 บาท กรณีนี้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 34 (พ.ศ.2513) ข้อ 5 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 36 (พ.ศ. 2519) ข้อ 2 ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช 2473 ซึ่งใช้บังคับในขณะเกิดเหตุ กำหนดให้บริษัทจำเลยที่ 3 มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อประกอบการเดินรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) บรรทุกคนโดยสารโดยใช้รถยนต์สี่ล้อรับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกินเจ็ดคนและต้องไม่ยอมให้ผู้ขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างหรือบุคคลอื่นเช่ารถไปหารายได้ ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทจำเลยที่ 3 รับผิดในทางแพ่ง จำเลยที่ 3 ทราบข้อกำหนดของกฎกระทรวงนี้ดี ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานเป็นหนังสือว่าได้มีการถอนคืนการครอบครองรถไปจากจำเลยที่ 3 ตามหนังสือสัญญานำรถแท็กซี่เข้าร่วมข้อ 4 ขณะนายเต็กเซียะ นำรถมาเข้าร่วมกิจการกับจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2520 ก็ไม่ปรากฏว่าได้เอาไปให้ผู้อื่นเช่า เพิ่งจะอ้างว่าโอนรถให้นางพรรณีและนางพรรณีเอาให้เช่าเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2522 พฤติการณ์เป็นการอ้างเพื่อเลี่ยงความรับผิด เชื่อได้ว่าคนขับรถแท็กซี่เป็นลูกจ้างของนายเต็กเซียะ กรณีถือได้ว่าคนขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

     พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 89,460 บาท จำเลยที่ 3 ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 44,730 บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,200 บาท และ 600 บาทแทนโจทก์ตามลำดับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425

ผู้พิพากษา
ธรรมสถิตย์ ธีรกุล
ประสม ศรีเจริญ
กิติ บูรพรรณ์

แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ