แชร์

โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ด้วย

อัพเดทล่าสุด: 4 มิ.ย. 2024
165 ผู้เข้าชม

โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ด้วย....

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2531

คำพิพากษาย่อสั้น
     ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น บทบัญญัติมาตรา 55 (4) และมาตรา 71 (1) , (2) ต้องอยู่ในเงื่อนไขของมาตรา 21 ดังนั้นเมื่อโจทก์ขับขี่รถมาถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ หากปรากฏว่าสี่แยกด้านที่โจทก์ขับขี่รถมามีป้ายสัญญาณจราจรให้หยุดเพื่อดูความปลอดภัย แต่โจทก์กลับขับขี่รถแล่นออกไปโดยไม่ได้หยุดและชนกับรถที่จำเลยที่ 1 ขับขี่แล่นผ่านสี่แยกจากอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่ก็นับว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย.

คำพิพากษาย่อยาว
     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถประมาท โดยขับรถด้วยความเร็วสูงมากและไม่หยุดตรงทางแยกให้รถที่โจทก์ขับผ่านไปก่อนเป็นเหตุให้ชนรถของโจทก์ที่ผ่านทางแยกอีกด้านหนึ่งมา โจทก์ได้รับบาดเจ็บ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและทำงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้ค่าเสียหาย 65,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างและไม่ได้ทำงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ประมาทฝ่ายเดียว เพราะสี่แยกด้านที่โจทก์ขับรถมาเป็นทางโทมีเครื่องหมายจราจร 'หยุด' โจทก์ต้องหยุดให้รถของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นรถในทางเอกผ่านไปก่อน แต่โจทก์ไม่หยุดจึงเกิดเหตุชนกันขึ้น ค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
     ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างขับรถด้วยความประมาท และจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทมากกว่า ค่าเสียหายของโจทก์ 45,685 บาท แต่โจทก์มีส่วนประมาทอยู่ด้วย เห็นควรให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เพียง 30,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมรับผิด พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาท

โจทก์อุทธรณ์
     ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา
     ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นฎีกานี้คดีมีปัญหาว่า โจทก์มีส่วนประมาทด้วยหรือไม่ในปัญหาว่า โจทก์มีส่วนประมาทหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยที่ 2 นำสืบตรงกันมีว่าโจทก์ขับรถยนต์ปิกอัพจากพระแท่นมุ่งหน้าไปทางท่าเรือรถบรรทุกของจำเลยที่ 2 แล่นด้วยความเร็วสูงจากท่ามะกาจะไปท่าม่วง ชนกันที่สี่แยกตรงจุดชนตามแผนที่เกิดเหตุ รถโจทก์แล่นไปได้ 25.70 เมตร อีก 4.20 เมตร จะถึงแนวขอบถนนด้านซ้ายที่รถจำเลยที่ 2 แล่นมา ไม่มีรอยห้ามล้อของรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ในข้อที่โจทก์ว่าโจทก์ไม่ได้ประมาท โจทก์เบิกความว่า เมื่อถึงสี่แยกโจทก์หยุดรถ มองซ้ายขวาแล้วไม่มีรถจึงขับผ่านสี่แยก ฝ่ายจำเลย นายชัยยศซึ่งขับรถสวนทางกับรถโจทก์เบิกความว่า เมื่อขับรถถึงสี่แยกมองไปตรงหน้าไม่เห็นรถโจทก์ มองไปทางขวามือเห็นรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่งแล่นมาห่างพยานประมาณ 100 เมตร มองไปทางซ้ายก็รู้สึกตัวว่ารถถูกชน นายชัยยศมีฐานะเป็นคนกลาง ไม่ได้เป็นฝ่ายโจทก์หรือจำเลยในกรณีรถโจทก์จำเลยชนกัน จึงมีน้ำหนักดีกว่าโจทก์และเมื่อพิเคราะห์ตามแผนที่เกิดเหตุ รถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ไม่มีรอยห้ามล้อ แสดงว่าคนขับรถคือจำเลยที่ 1 ไม่ได้มองเห็นรถโจทก์เลย ที่เป็นเช่นนั้นน่าจะเป็นเพราะรถโจทก์ได้แล่นผ่านป้ายที่บอกให้หยุดโดยไม่หยุดดูความปลอดภัยให้ดีเสียก่อน และตามที่โจทก์ว่า ตอนแรกที่โจทก์เห็นรถจำเลยที่ 2 ห่างโจทก์ประมาณ 200 เมตร ซึ่งถ้าห่างถึงขนาดนั้นจริงรถโจทก์แล่นผ่านความกว้างของสี่แยกประมาณ 30 เมตร ได้อย่างปลอดภัย จึงเชื่อได้ว่ารถโจทก์ได้แล่นผ่านป้ายที่บอกให้หยุดเพื่อดูความปลอดภัยโดยไม่ได้หยุด แต่แล่นออกมาเลย ประกอบกับรถจำเลยที่ 2 แล่นด้วยความเร็วสูงจึงเกิดชนกัน แม้ว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 คนขับรถของจำเลยที่ 2 แต่โจทก์ก็นับว่ามีส่วนประมาทด้วย ตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 55 (4) และมาตรา 71 (1) (2) นั้น เห็นว่าบทกฎหมายดังกล่าวต้องอยู่ในเงื่อนไขของมาตรา 21 ก่อนคือผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ตามแผนที่เกิดเหตุในเอกสารหมาย จ.5 ที่พนักงานสอบสวนทำมามีป้ายหยุดอยู่ ซึ่งโจทก์จะต้องปฏิบัติตามเครื่องหมายดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ก็ไม่อาจอ้างมาตรา 55 (4) และมาตรา 71 (1) (2) ได้ ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์มีส่วนประมาท จึงชอบแล้ว..... ฯลฯ.....
พิพากษายืน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 21
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 55
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71

ผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์
วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์
ประวิทย์ ขัมภรัตน์


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ